รูปแบบของเนตรต่าง ๆ
ต้นกำเนิด
จริงๆแล้วต้นกำเนิดของเนตรสีขาว
เนตรสังสาระและเนตรวงแหวนนั้น กําเนิดมาจากแม่ของเซียน 6 วิถีก่อนนั่นคือเจ้าหญิงโอทึสึกิ
คางูยะผู้ใช้เนตรสีขาวคนแรกและเนตรวงแหวนคนแรกคือวิชาเนตรอ่านจันทรานิรันดร์
เธอให้กำเนิดลูกชาย 2 คนคือโอทึสิกิ ฮาโกโรโมะหรือเซียน 6
วิถี และโอทึสึกิ
ฮามูระต้นตระกูลเนตรสีขาวที่ดวงจันทร์มีรุ่นหลานคือโทเนริใน The Last จึงสรุปได้ว่า คางูยะให้กำเนิดเนตรสีขาวและเนตรวงแหวน ก่อนที่เซียน 6
วิถีจะให้กำเนิดเนตรวงแหวนและเนตรสังสาระ หลังจากที่เซียน 6 วิถีกับฮามูระทั้ง 2 ร่วมมือกันผนึกคางูยะผู้เป็นแม่
เซียน 6 วิถีได้ผนึกพลังของ 10 หางแยกพลังออกมา
9 ส่วน แยกรูปลักษณ์กับชื่อที่แตกต่างกัน
กำเนิดเป็นสัตว์หางทั้ง 9 ตัวได้รับพลังอันไร้ขีดจำกัดได้ใช้พลังนั้นเพื่อชี้นำโลกไปสู่สันติภาพ
จึงส่งสัตว์หางทั้ง 9 ให้ออกใช้ชีวตตามคำทำนาย แต่ทว่าเมื่อความฝันไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้นเวลาของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็มาถึงก่อนสิ้นใจจึ่งจำเป็นต้องมอบพลังและกำหนดผู้สืบทอดคือบุตรชายทั้ง
2 คนโดยพี่อินดรานั้นมี "เนตรแห่งเซียน"
มีพรสวรรค์ทางด้านพลังจิตประสาทและอำนาจจักระ
โดยพี่อินดราเข้าใจว่าพลังและอำนาจเป็นสิ่งจำเป็นต่อสันติภาพ ส่วนคนน้องอาชูร่ามี
"กายแห่งเซียน"
มีพรสวรรณ์ด้านพลังชีวิตและพลังกายเข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งจำเป็นต่อสันติภาพ
เมื่อใกล้สิ้นใจเซียน 6 วิถีได้กำหนดตัวผู้สืบทอดโดยเลือกคนน้องผู้เห็นว่าความรักเป็นสิ่งจำเป็นต่อสันติภาพเป็นผู้สืบทอด
กับหวังให้ผู้เป็นพี่คอยช่วยนำ
แต่ทำให้ผู้เป็นพี่อิจฉาริษยาและไม่พอใจและได้ต่อสู้กับผู้เป็นน้อง
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปการต่อสู้ของพี่น้องก็ยังคงดำเนินอยู่ผ่านทางลูกหลานโดยลูกหลานของฝ่ายพี่คือ
ตระกูลอุจิวะ และลูกหลานของฝ่ายน้องคือ ตระกูลเซนจู (ตระกูลของโฮคาเงะรุ่นแรก)
กับก่อนเซียน 6 วิถีเสียชีวิตได้เอาร่างหลักของสิบหางที่ถูกดึงจักระอกมาหมดเป็นเพียงเทวรูปมารนอกรีต
ได้ใช้หินจำนวนมากมาปิดผนึกกับโยนขึ้นฟ้ากลายเป็นดวงจันทร์ถึงทุกวันนี้
กับฮามูระนั้นทำหน้าปกปักษ์รักษาผนึกของสิบหาง
ส่วนตนก็เดินทางผ่านกาลเวลาไปในอนาคตเพื่อหาผู้สืบทอดของลูกชายทั้ง 2 ของตนในอนาคต เพื่อชี้นำกับมอบพลังให้
เนตรวงแหวน หรือ ชาริงกัน-อังกฤษ
(Sharingan) (ความหมายดวงตาลอกเลียนแบบ)
เป็นสายเลือดพิเศษของตระกูลอุจิวะ ว่ากันว่าเนตรนี้มีต้นกำเนิดจากเนตรสังสาระของเซียน
6 วิถี
ความสามารถ
เนตรวงแหวนมีความสามารถในการมองรูปแบบ นินจุตสุ (วิชานินจา), เกนจุตสุ (วิชาภาพลวงตา) และ ไทจุตสุ (กระบวนท่า)
ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และ ผู้ใช้สามารถก๊อปปี้กระบวนท่าและวิชาเดียวกันมาใช้ได้
นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการสะกดจิต และ อ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ส่วนการเลื่อนระดับความสามารถต้องได้มาจากการฝึกฝนหรือพรสวรรค์ของแต่ละคน
แต่ไม่สามารถเลียนแบบคาถาพวกขีดจำกัดสายเลือดได้
ไม้ตายของเนตรวงแหวน
1.อ่านทิศทางการโจมตีคู่ต่อสู้
2.มองการร่ายคาถาได้อย่างสมบูรณ์และ
copy ได้
3.ใช้ภาพลวงตา
4.มองจักระคู่ต่อสู้
5.เทพบิดา
อิซานางิ วิชาต้องห้าม เปลี่ยนแปลงและบิดเบือนชะตากรรมของตนเอง
ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราเช่นความตาย ความเจ็บปวด หรืออะไรก็ตาม
จะกลายเป็นเพียงความฝันหรือทำให้การโจมตีที่เป็นภาพลวงตากลายเป็นความจริงได้
แต่ดวงตาที่ใช้อิซานางิ จะบอดไปตลอดกาล โดยครั้งหนึ่งต่อตาข้างหนึ่ง
6.เทพมารดา
อิซานามิ สามารถกำหนดโชคชะตาผู้อื่นได้
ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้โดนวิชานี้ติดอยู่ในวังวนที่ตั้งแต่เริ่มใช้จนเวลากลับมาแบบไม่มีที่สิ้นสุดโดยวิชานี้ไม่ได้ใช้ในการมองแต่เป็นการสัมผัส
เมื่อสัมผัสกันจะเริ่มทำงาน การที่จะสามารถออกจากวังวนของอิซานามิ
โดยผู้โดนวิชานี้จะต้องยอมรับโชคชะตาของตัวเอง
เมื่อใช้แล้วตาของผู้ใช้จะบอดไปตลอดกาล เป็นคาถาที่มาคู่กับอิซานางิ
เพื่อแก้ทางกัน โดยครั้งหนึ่งต่อตาข้างหนึ่ง
เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา
เหมือนกับก่อนหน้านี้แต่ทรงพลังขึ้นเป็นสิบ
ๆ เท่า แต่ละคนจะมีพลังที่อยู่กับเนตรต่างกัน และ ที่เพิ่มมาคือ
1.เทพวายุ
สุซาโนโอะ คือเทพพิทักษ์ที่ซ่อนอยู่ในเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา
เป็นเทพพิทักษ์ที่มีพลังโจมตีและป้องกันสูงสุดและจะปกป้องคนที่เรียกออกมา
ความสมบูรณ์ของเทพวายุขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้ ร่างต้นจะเป็นเพียงซี่โครงพัฒนาไปยังร่างฏครงกระดูก
จากนั้นพัฒนาไปยังร่างมนุษย์ยักษ์ จากนั้นก็พัฒนาไปยังร่างใส่เกราะ
จากนั้นร่างสุดท้ายมีลักษณะคล้ายกับ เท็งงุ ที่มีหน้าเป็นคนจมูกยาวและมีปีก
เงื่อนไขในการใช้ต้องมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาทั้งสองข้างไม่งั้นร่างกายจะรับภาระมากเกินไปที่จะรับได้
ผู้ที่มีซูซาโนโอะได้ อุจิวะ มาดาระ/ซาสึเกะ/อิทาจิ/ชิซุย,ฮาตาเกะ
คาคาชิ
ร่างเทพวายุ
สุซาโนโอะของซาสึเกะ เคยดูดจักระของสัตว์หางทั้ง 9
แทนเทวรูปมารนอกรีต พัฒนาไปอีกขั้นแต่ขั้นนี้มีพลังมากที่สุด
แต่จะใช้ร่างนี้ได้ต้องได้รับจักระของสัตว์หางทั้ง 9 ตลอดเวลา
2.อ่านจันทรา
ก็คือการสะกดภาพลวงตาขั้นสุดยอดด้วยตาข้างซ้ายเพื่อทำลายระบบประสาทอย่างหนักหน่วงของคู่ต่อสู้โดยตรง
เป็นความสามารถเฉพาะเนตรของ อิทาจิ
และซาสึเกะ(อ่านจันทราซาสึเกะไม่เน้นภาพลวงตาแต่เน้นควบคุมรูปแบบทิศทางเทวีสุริยา ซ้ำดับได้ด้วย)
โดยอ่านจันทรานั้นตัวอย่างการใช้ แบบอิทาจิเคยกับคาคาชิ
ให้คาคาชิถูกทรมานในคาถาลวงตาเป็นเวลา 3 วัน
แต่ในความเวลาจริงผ่านไป 1 วินาที
หรือใช้อ่านจันราเพื่อให้เหตุการณ์ความจริงของผู้ใช้หรือภาพลวงตา
ไม่ก็สะกดจิตก็ได้
3.เทวีสุริยา
เมื่อใช้ใช้อ่านจันทราจนชินแล้ว ดวงตาข้างขวาจะสามารถใช้เทวีสุริยาได้
เทวีสุริยาคือเพลิงสีดำที่ไม่มีวันดับ เพียงแค่โฟกัสไปที่จุด ๆ
หนึ่งเพลิงดำจะลุกและเผาจนสิ่งที่ถูกจ้องจนไหม้หมด เป็นความสามารถเฉพาะเนตรของ
อิทาจิ, ซาสึเกะ เมื่อเผาสิ่งที่สัมผัสจนหมดไฟก็จะดับไป
4.เทพต่างสวรรค์
วิชาลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุด
เป็นวิชาเนตรที่สามารถควบคุมคนที่เป็นเป้าหมายได้โดนไม่รู้ตัวด้วย
เป็นความสามารถเฉพาะเนตรของ ชิซุย
5.คามุย
วิชาเคลื่อนย้ายร่างของอุจิวะ โอบิโตะและฮาตาเกะ คาคาชิ มีความสามารถสร้างมิติของตัวเองโดยมิตินี้ไม่ใช่โลกจริงแต่เคลื่อนย้ายตัวเองหรือผู้อื่นเข้าออกในมิตินี้ได้
และที่สำคัญยังทิ้งร่างจริงในมิติเพื่อให้ร่างในโลกจริงถูกโจมตีทะลุไม่โดน
โดยเนตรขวาอยู่กับโอบิโตะและเนตรซ้ายอยู่กับคาคาชิก็เชื่อมถึงกันในมิติคามุย เนตรนี้มีที่มา
ตอนโอบิโตะให้เนตรคาคาชิตอนเด็กและเบิกเป็นหมื่นบุปผาเมื่อทั้งคู่เห็นรินตาย
เพราะเนตรข้างหนึ่งอยู่ที่คาคาชิ โดยคาคาชิเป็นคนฆ่ารินโดยเชื่อมกันจึงเบิกได้
โดยขีดจำกัดการใช้ค้างไว้อย่างนั้นนานเป็นเวลา 5 นาที
ระดับการพัฒนา
ขั้นเบิกเนตร
1.เนตรวงแหวน วงแหวน
1 วงแทนสัญลักษณ์ที่อ่อนแอที่สุดของเนตรนี้
มีความสามารถมองความไวในการร่ายคาถา
2.เนตรวงแหวนชางิ วงแหวน
2 วงแทนเนตรที่ยังไร้พลังอันแข็งกล้า
สามารถก๊อปปี้วิชาบางส่วนและอ่านจักระของผู้ต่อสู้ด้วยได้
3.เนตรวงแหวนชารินกัน วงแหวน
3 วงแทนเนตรที่ได้พลังมาแล้วเรียบร้อย
ความสามารถในการก๊อปปี้วิชาและการอ่านวิชาของผู้ต่อสู่ด้วย
ขั้นเปิดนรก
ความลับในการเลื่อนระดับความสามารถของเนตรคือต้องได้รับความทุกข์จากการฆ่าชีวิตหรือเห็นใครก้ได้อันเป็นที่รักตายต่อหน้าต่อตาเพื่อรับความทุกข์เพื่อให้ตนเองได้พลังมา
โดยเนตรวงแหวนนั้นสามารถแยกความเป็นกับความตายออกจากกันได้
โดยคนที่รักต้องตายเพราะถูกฆ่าตายโดยผู้ใช้เนตรเท่านั้น ผู้ใช้เนตรถึงจะเบิกได้
คนคนที่รักไม่ตายจะเบิกไม่ได้
4.เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา
(มังเง็คคโยชาริงกัน) สามารถใช้วิชาเนตรที่ทรงพลังได้
3 อย่าง ซึ่งแตกกันไปอย่างละข้าง
และเทพวายุเทพพิทักษ์ที่หลับอยู่ในเนตรทั้งสองข้าง
แต่ยิ่งใช้มากจะทำให้ตาบอดหรืออาจถึงแก่ความตายได้
สามารถพัฒนาต่อได้โดยควักดวงตาตนเองออกไปและนำเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของผู้ของผู้อื่นที่มีสายเลือดอุจิวะเท่านั้นมาใส่แทนสามารถพัฒนาเป็นเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันคร์
5.เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ เป็นเนตรขั้นต่อจากเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาจะเบิกได้โดยการเปลี่ยนเนตรที่มีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุษผาเหมือนกัน
และ เอามาใส่ในดวงตาของตัวเอง ตาจะไม่บอดเพราะใช้เนตรอีกต่อไปและจะได้รับพลังพิเศษที่เพี่มขึ้นมามากมาย
บุคคลที่ได้รับ มี มาดาระ และซาซึเกะ
โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา
6.เนตรสังสาระ เป็นเนตรแบบพิเศษของเซียนหกวิถี
การจะเบิกได้จะต้องเป็นผู้ที่สายเลือดของอุจิวะ และเซนจู แต่ต้องมีเนตรเหมือนทั้ง 2 ข้างถึงจะเบิกได้ ไม่งั้นจะเบิกไม่ได้
โดยสามารถใช้วิชาของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาได้
7.เนตรสังสาระสูงสุด
เป็นเนตรที่มีเนตรวงแหวนที่สมบูรณ์แบบแล้วรวมกับเนตรสังสาระอยู่ด้วยกัน
เป็นเนตรที่มีเฉพาะซาซึเกะเท่านั้น อยู่ที่ตาข้างซ้าย ได้มาด้วยการมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์แล้วแตะมือซ้ายที่เซียน6วิถีเพื่อได้พระจันทร์ดำที่มือก่อนเนตรจะกลายเป็นเนตรสังสาระมีวงแหวน2ชั้นในเนตร สามารถมองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
ร่างเงา(ลิมโบ้)ที่อยู่อีกภพหนึ่ง ซึ่งเคยมองกับมาดาระ ได้ในระยะไกลพอสมควร ประมาณ
1กิโลเมตร
เนตรสังสาระนี้มีความสามารถของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์เทวีสุริยาข้างซ้ายเดิมของซาสึเกะอยู่ด้วย
ซึ่งนอกจากมองเงาลิมโบ้มาดาระได้แล้ว ยังใช้เทวีสุริยาได้
ใช้สึซาโนะโอร่างสมบูรณ์ได้(ใส่เกราะมีปีกจมูกยาวมีดาบ รวมกับ9หางได้ และภายหลังไก้พลังสัตว์หางทั้ง9หลายเป็นร่างเกราะผอมที่ทรงพลังใช้แทนเทวรูปมารนอรีตได้)
ใช้คาถาเรียกก้อนอุกาบาตที่ลงมาถล่มได้หลายลูกหรือเรียกมาจับสัตว์หางทั้ง9แทนเทวรูปมารนอกรีตได้ กดดึงคล้ายคลายเทพพิชิตฟ้าของเพนได้ในระยะ1กม. และที่เป็นเอกลักษณ์คือความสามารถสลับตำแหน่งเคลื่อนย้ายตัวเองได้ และ
อีกอย่างที่เด่นมากกว่าโหมดเซียนและเนตรสีขาวคือพลังทะลุมิติไปหามิติศัตรูอยู่ได้ทันทีพร้อมพาพวกพ้องไปและกลับมาได้
2สิ่งนี้ดูได้จากโบรูโตะ
เนตรสังสาระซาสึเกะมีการปวดตาจากการใช้จักระมากจึงมีระยะเวลาพักเพื่อฟื้นเนตร
ต่างจากเนตรสังสานะที่มาดาระ โอบิโตะ เพนนางาโตะใช้ที่ใช้ได้ตลอด
บุคคลที่ใช้เนตรวงแหวนเป็นอาวุธ
1. อุจิวะ
มาดาระ (เนตรสังสาระ) ผู้นำตระกูลอุจิวะในยุคก่อตั้งโคโนะฮะ
เป็นคนแรกและคนเดียวที่เคยใช้เนตรวงแหวนควบคุมจิ้งจอกเก้าหางสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่ 1
มีเทพวายุสึซาโนะโอร่างสมบูรณ์สีฟ้าน้ำเงิน และเป็นคนที่ 2 ที่เบิกเนตร สังสาระได้ จึงได้รับฉายาว่า "เซียนหกวิถี คนที่ 2"
2. อุจิวะ
อิซึนะ (เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา) น้องชายของมาดาระ
3. อุจิวะ
อิทาจิ (เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา) สามารถใช้วิชาเนตรหลักได้ทั้ง 3 อย่างคือ อ่านจันทรา, เทวีสุริยา เทพวายุ
ได้มาจากฆ่าชิซุยที่เป็นเพื่อนสนิท
ซึ่งใช้วิชาเนตรนี้ฆ่าล้างตระกูลอุจิวะจนหมดสิ้นเหลือไว้เพียงซาสึเกะคนเดียว
แต่อิทาจิเป็นคนมีโรคประจำตัวเยอะคาดว่าคงจะเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่ได้
ทำให้ไม่ค่อยใช้วิชาเนตรมากสักเท่าไหร่จะสงวนไว้ใช้พลังในยามคับขันจริง ๆ เท่านั้น
4. อุจิวะ
ชิซุย (เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุผฝา) เพื่อนสนิทของอิทาจิ
อิทาจิถูกหาว่าสังหารเพื่อนรักของเขาเอง
เพื่อที่อิทาจิจะได้มาซึ่งเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา แต่ความจริงแล้ว ชิซุย
ยอมตายเพื่ออิทาจิเพื่อภารกิจลับของอิทาจิ แต่ดันโซ หลอกใช้ซิซุย
โดยการขโมยเนตรของเขามาแล้วข้างหนึ่ง
และชิซุยได้ยกเนตรอีกข้างหนึ่งให้อิทาจิแล้วยอมให้อิทาจิฆ่าจนตนตายลงอย่างสงบ
พลังเนตรของชิซุยกล่าวกันว่ามีพลังถึงขั้นสูงสุดของเนตรวงแหวนคือสามารถใช้พลังเนตรควบคุมจิตใจของผู้อื่นจนแม้แต่ผู้ที่ถูกควบคุมอยู่ไม่รู้ตัวว่าถูกควบคุม(เนตรรข้างขวา),เนตรข้างซ้ายสามรถใช้สึซาโนะโอสีเขียวเพียงข้างเดียวได้
ภายหลังชิซุยที่ถูกดันโซชิงตาขวาไป ตาซ้ายได้มอบให้อิทาจิ
อิทาจิจึงเอาไปฝังในอีกาที่เป็นสัตว์อัญเชิญของอิทาจิตัวหนึ่ง
ซึ่งมีความสามารถคลายการถูกคาถาสัมเวสีคืนชีพของคาบูโตะได้ เมื่อชิซุยให้ตาซ้ายอิทาจิก็โดดเหวตายเพื่ออิทาจิเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา
โดยอิทาจิเป็นคนทำลายศพกับมือตัวเอง
5. อุจิวะ
ฟุงากุ (เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา) หัวหน้าตระกูลอุจิวะ เจ้าของเนตรวงแหวน
พ่อแท้ ๆ ของอิทาจิและซาสึเกะ เป็นผู้ที่สอนคาถาไฟให้ซาสึเกะและเป็นคนแรกที่บอกเล่าถึงเรื่องเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา
โดนอิทาจิสังหารในเหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูล
ซึ่งตนจะถูกฆ่าตนก็เตรียมใจกับยอมรับโดยภูมิใจ
6. ฮาตาเกะ
คาคาชิ (เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาข้างซ้าย)
คาคาชิสามารถใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา มีพลังที่เรียกว่า คามุยคือ
สามารถย้ายสิ่งต่าง ๆ ที่ตนเพ่งไปยังมิติอื่นได้ อาทิเช่น แขนของเดอิดาระ
มีฉายาว่า ก็อปปี้นินจาคาคาชิ คาคาชิได้เนตรวงแหวนมาจากเพื่อนในสมัยเด็กคืออุจิวะ
โอบิโตะ หลังจากไปช่วยรินที่ถูกศัตรูชิงตัวไป
ซึ่งเพื่อนของเขาได้มอบเนตรวงแหวนให้กับ คาคาชิ ก่อนที่จะตาย เพื่อเป็นของขวัญที่
คาคาชิ สามารถสอบเป็นโจนินได้สำเร็จ คาคาชิได้เปนโฮคาเงะรุ่นที่6เพื่อดูแลหมู่บ้านได้ไม่นานนัก นารูโตะก็มาแทน
และในสมัยสงครามโลกนินจาครั้งที่4 คาคาชิได้รับเนตรวงแหวนอีกข้างมาจากโอบิโตะ
คาคาชิได้รับพลังซุซาโนโอะแบบสมบูรณ์และแข็งแกร่งที่สุด หลังจากจบสงครามโลกนินจาไป
พลังนั้นก็หายไปด้วย
7. อุจิวะ ซาสึเกะ (เนตรสังสาระ) ทายาทคนสุดท้ายของอุจิวะ
สามารถเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาได้หลังจากการตายของอิทาจิและใช้มันในการต่อสู้กับ
8หาง เหล่าคาเงะ และดันโซ หลังจากพบว่าดวงตาข้างขวาบอด และข้างซ้ายการมองเริ่มขุ่นมัวลงเรื่อยซาสึเกะจึงตัดสินใจเปลี่ยนถ่ายเนตรของอิทาจิมาใส่ไว้
โดยเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาใช้เทวีสุริยาได้เต็มที่คูกับสึซาโนะโอ
แต่มีความสามารถในการมองเห็นแม้แต่ในที่มืดได้
ปัจจุบันได้เบิกเนตรสังสาระได้ในการต่อสู้กับมาดาระหลังได้พบกับเซียนหกวิถี
8. อุจิวะ
โอบิโตะ (เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ข้างขวาและเนตรสังสาระข้างซ้าย)
เป็นคนมอบเนตรวงแหวนข้างซ้ายของตนเองให้กับ คาคาชิ ที่เป็นเพื่อนรักกัน
สามารถใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ความสามารถเนตคือคามุย
เคลื่อนย้ายร่างข้ามมิติทั้งตัวเองและผู้อื่น
และนำร่างจริงไว้ในมิติเพื่อเป็นร่างล่องหน ซึ่งตาขาอยู่ที่โอบิโตะ
ตาซ้ายอยู่ที่คาคาชิ ความสามรถเหมือนกัน
9. ชิมุระ
ดันโซ (เนตรวงแหวนของชิซุย ข้างขวา และแขนขวา10ดวง)
มีเนตรวงแหวนข้างเดียวกับคาคาชิ โดยมีผ้าปิดตาอยู่
แต่ถูกนินจาติดตามมิซึคาเงะที่ได้เนตรสีขาวจากการต่อสู้ตรวจสีจักระและพบว่าเนตรวงแหวนของดันโซแท้จริงมาจากชิซุยเพื่อนรักของอิทาจินั้นเอง
ความสามารถของเนตร คือสามารถบังคับจิตใจคนได้โดยผู้อื่นไม่รู้ตัว
โดยดันโซได้ใช้เนตรควบคุมมิฟุเนะเพื่อให้เลือกตนเองเป็นผู้นำเหล่าคาเงะ นอกจากนั้น
ยังสามารถใช้วิชาต้องห้ามของตระกูลอุจิวะ นั่นคือ อิซานางิ
ซึ่งสามารถเปลี่ยนการโจมตีทางกายภาพให้เป็นภาพลวงตา
หรือเปลี่ยนภาพลวงตาให้กลายเป็นการโจมตีทางกายภาพ
เสมือนสามารถควบคุมโลกแห่งความเป็นจริงได้สบาย
แลกกับความมืดของดวงตาที่จะบอดไปตลอดกาล โดยมีเวลาจำกัดในการใช้ครั้งละประมาณ 1
นาที 10. อุจิวะ ไร,บารุ,นากะ,นาโอริ (เป็นตัวพิเศษ ที่มีเฉพาะในอะนิเมะ
มีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาทั้ง4คน มีคาถาอิซานางิ,มิ ให้ตาบอดแลกกับการย้อนเวลาได้)
11. อุจิวะ
คางามิ เป็นนินจาผู้อุทิศตนเพื่อความสงบสุข ระดับความสามารถนั้นไม่แน่ชัด คางามิอยู่ในช่วงสมัยสงครามโลกนินจาครั้งที่หนึ่ง
คางามิเป้นเพื่อนร่วมรุ่นกับ โฮคาเงะรุ่นที่3(ซารุโทบิ
ฮิรุเซ็น) และดันโซ คางามิได้เสียสละตนเพื่อความสงบสุขของโลกนินจา
อุดมการของเขาทำให้ โทบิรามะ เซ็นจู ยอมรับในตัวเขา
ซึ่งต่างจากอุวิจะคนอื่นๆที่หวังในพลังและการครอบครองโลก
ในสมัยสงครามโลกนินจาครั้งที่ 1 คางามิได้เข้าร่วมเป็นลูกทีมของโทบิรามะ
ในตอนหนึ่ง ทีมได้ถูกศัตรูล้อม
โทบิรามะถามว่าใครจะเป้นผู้เสียสละเพื่อล่อให้ทุกคนปลอดภัย คางามิได้ยอมสละตน
และฮิรุเซ็นก็ด้วย แต่สุดท้ายโทบิรามะก็ได้บอกว่า การรักษาเพื่อนของตน
เป็นหน้าที่สำคัญของการเป็นหัวหน้า โทบิรามะยอมออกไปล่อด้วยตนเอง
และแต่งตั้งให้ฮิรุเซ็นเป็นโฮคาเงะรุ่นที่3ต่อไป
ภายหลังไม่ได้มีการพูดถึงอุจิวะ คางามิเลย (จนถึงภาคสายฟ้าสลาตัน)
ปัจจุบันได้ว่าเขาน่าจะตายไปแล้ว
13. อุจิวะ
ซาราดะ เป็นลูกแท้ๆของซาสึเกะ กับ ซากุระ ซาราดะเบิกเนตรวงแหวนได้
ตอนเจอกับซาสึเกะ ในมังงะภาค Naruto Gaiden และใช่ในการสอบจูนินใน Boruto Naruto The Movie
12. อุจิวะ
ชิน มีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาทีควบอาวุธไปโจมตีได้ อยู่ในนารูโตะรุ่นโบรูโตะ
เป็นโคลลิ่งอุจิวะที่โอโรจิมารุสร้างขึ้นมาจากการเซลล์ของอุจิวะ กับเซลล์ของเซนจู
ฮาชิรามะผสมผสานกัน โดยร่างกายไม่เกิดการต่อต้าน กับส่วนหัวกับแขนทั้ง 2 ข้างมีเนตรวงแหวนจำนวนมาก โดยแขนขวาถูกโอโรจิมารุตัดแล้วเอาไปฝังใส่ดันโซ
ส่วนชินร่างหลักที่ไร้แขนขวาเทิดทูนอิทาจิมาก
ถูกปลูก่ายเซลล์ที่มีขีดจำกัดสายเลือดที่เป็นคาถาแม่เหล็ก
ควบคุมโลหะมาทำเป็นแขนเทียมกับหนีออกมาจากหลอดทดลอง พอแสงอุษาถูกทำลายไป
ชินก็ลุ่มหลงในตัวอิทาจิ หวังสร้างแสงอุษาขึ้นมาใหม่
โดยสร้างโคลนนิ่งตัวเองขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วนเป็นกองทัพ
แต่ก็เป็นเด็กซึ่งเป็นลูกของตน กับตั้งชื่อว่าชิน กับสร้างอุปกรณ์ที่มีฝังเนตรวงแหวน
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมมิติเวลาเหมือนคามุย
ตอนเริ่มแผนการสร้างแสงอุษาใหม่แพ้นารูโตะกับซาสึเกะอย่างง่ายดายจนเจ็บหนัก
ชินจึงลักพาตัวซากุระให้มารักษาตน แต่พอทั้งคู่ตามหาที่ฐาละบของชิน
ชินถูกโคลนนิ่งของตนฆ่าตายไป ส่วนกองทัพโคลนนิ่งชินที่เหลืออยู่นั้นถูกนารูโตะส่งไปสถานรบเลี้ยงเด็กกำพร้าที่แถบชายแดนโคโนฮะ
เพื่อให้มีชีวิตเหมือนคนปกติ
โดยคาบูโตะที่เป็นผู้นำสถานที่รับผิดชอบเลี้ยงดูกับตั้งชื่อใหม่ให้ทุกคน
ผู้ที่สามารถใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาได้
ฮาตาเกะ คาคาชิ
อุจิวะ มาดาระ
อุจิวะ อิซึนะ
อุจิวะ ฟุงากุ
อุจิวะ อิทาจิ
อุจิวะ ซาสึเกะ
อุจิวะ ซิซุย
อุจิวะ โอบิโตะ
โอซึซึกิ ฮาโกโรโมะ
อินดรา
อุจิวะ ชิน
อุจิวะ ไร,บารุ,นากะ,นาโอริ
หมายเหตุ ผลกระทบ
จากการใช้ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา คือจะไม่ได้รับแสงสว่างอีกต่อไป
ซึ่งนั่นก็คือ ตาค่อย ๆ บอดไปทีละน้อยนั่นเอง อุจิวะ อิทาจิ ได้พูดไว้ในตอน 386 แต่เนตรหมื่นบุปผานิรันดร์ของมาดาระจะไม่ได้รับผลกระทบนี้
เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ จะใช้เนตรนี่เท่าไรก็ได้
เพราะเนตรนี่จะไม่มีวันกลับไปตาบอดอีกได้อีก
แต่จะต้องใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาเหมือนกันของผู้รับที่ได้ถึงจะเบิกได้
แต่ต้องใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาที่ไม่บอดเท่านั้น แต่ในกรณีของ โอบิโตะ
ที่มีเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผาข้างขวาใช้จะไม่บอดเพราะว่ามีเซลล์ของโฮคาเงะรุ่นที่ 1
ฝังอยู่ในตัวทำให้ได้รับการฟื้นตัวการใช้มีเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา
ทำให้ไม่บอด
ข้างต้นคือคนในตระกูลอุจิวะใช้เนตรหมื่นบุปผา
ถ้าคนนอกตระกูลใช้ เช่น ดันโซใช้ตอนประชุม 5 คาเงะและกลับมาใช้ได้อีกตอนแพ้ซาสึเกะ
และ คาคาชิ ใช้คามุยเป็นระยะๆ ใช้หมื่นบุปผาไม่บอดแต่มีเวลาพักฟื้นเมื่อใช้
ใช้ตลอดไม่ได้