4 ก.ย. 2559

เฮเดส (Hedes) เจ้าแห่งความตาย และ ความร่ำรวย

                             เฮเดส (Hedes)
                  เจ้าแห่งความตาย และ ความร่ำรวย

   เมื่อมหาเทพซุส โค่นเทพโครนัส บิดาของตนได้ เทพซุสได้แต่งตั้งเทพ โพไซดอน ปกครองมหาสมุทร และแม่น้ำทั้งปวง และให้เทพ เฮเดส ปกครองดินแดนยมโลก หรือ นรก เทพเฮเดส เป็นผู้ปกครองนรกซึ่งมีแต่ความมืดมิดน่ากลัว จึงไม่ได้ขึ้นไปบนเขาโอลิมปัสบ่อยนัก อีกทั้งเทพองค์อื่นๆ ก็ไม่ชอบที่จะต้อนรับเฮเดสด้วย ดังนั้น เฮเดสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่งในเทพโอลิมปัส เฉกเช่นองค์อื่นๆ
   ในตำนานถือได้ว่า เฮเดส เป็นเจ้าแห่งทรัพย์ เพราะเทพเฮเดสมีสิทธิในทรัพย์สินทุกอย่างภายในใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (dis) ซึ่งแปลว่า ทรัพย์สิน...นอกจากนั้น เฮเดส ยังได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดี ความชั่วของคนตาย โดยปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่ง ที่สามารถทำให้ผู้สวมใส่หายตัวได้ และพระองค์มีเทพผู้ช่วยในการตัดสินในยมโลกอีก 3 องค์ คือ ราดาแมนทีส, ไมนอส, ไออาคอส โดยมีชื่อเรียกว่า สามเทพสุภา และยังมี ฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส เทพแห่งความตาย คอยให้การช่วยเหลืออีกด้วย...
   ครั้งหนึ่ง เมื่อเทพเฮเดส ได้เสด็จขึ้นมาบนพื้นโลก ได้พบกับเทพี เปอร์เซโฟนี เทพแห่งฤดูใบไม่ผลิ และเป็นธิดาของ เทพีดิมีเทอร์ เทพีแห่งธัญญาหาร หรือ พระแม่โพสพ กับ มหาเทพซุส ซึ่งเทพี เปอร์เซโฟนี ก็เป็นหลานของเทพเฮเดสนั้นเอง อย่างไรก็ตาม เทพเฮเดส หลงรักเทพีเปอร์เซโฟนี ทันทีที่พบนาง พร้อมกับฉุดฝืนใจนาง พาลงสู่ดินแดนใต้พิภพ เพื่อครองคู่ เมื่อเทพีดิมีเทอร์ ทราบว่า ธิดาของตนถูกลักพาตัว ก็ร้องเรียนต่อมหาเทพซุส ให้ช่วยนำธิดาของเธอคืนมา มหาเทพจึงส่งเทพเฮอร์มีส เป็นฑูตไปเจรจากับเทพเฮเดส การเจรจาคราวนั้นมีเงื่อนไขว่า ถ้าเทพีเปอร์เซโฟนี ไม่ได้เสวยอะไรในยมโลก เทพเฮเดส ต่องส่งนางคืนแก่เทพีดิมีเทอร์ โดยทันที แต่หากเทพีเปอร์เซโฟนี เสวยของในยมโลก เทพเฮเดสก็จะมีสิทธิในตัวนาง ผลปรากฎว่า เทพีเปอร์เซโฟนี ได้เสวยเมล็ดทับทิมไป 6 เมล็ด จึงตกลงกันว่า ในแต่ละปี เทพีเปอร์เซโฟนี จะกลับขึ้นมาอยู่กับพระมารดาบนพื้นโลก 6 เดือน และต้องกลับไปอยู่กับเทพเฮเดส ในยมโลกอีก 6 เดือน ช่วงที่เทพีเปอร์เซโฟนี ขึ้นมาอยู่บนพื้นโลกนั้น เทพีดิมีเทอร์ มีความยินดีอย่างยิ่ง ทำให้แผ่นดินและพืชพันธุ์คืนสู่ความเขียวขจี พร้อมกับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน และเมื่อต้องกลับไปยังยมโลก พืชพันธุ์ และ แผ่นดินที่เคยเขียวขจี ก็จะเหี่ยวแห้ง อับเฉา พร้อมกับเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
   มีอยู่ครั้งหนึ่ง เทพเฮเดส ทรงหลงเสน่ห์ความน่ารักของนางอัปสรนามว่า มินธี แต่ทว่าความรักครั้งนี้ไม่ยั่งยืน ด้วยเหตุที่ เทพีดิมีเทอร์ ซึ่งมีฐานะเป็นแม่ยาย เห็นเทพเฮเดส ทำท่าจะนอกใจธิดาของตน เทพีก็พิโรธโกรธเกรี้ยว ลงทัณฑ์ จนมินธี นางอัปสรผู้น่าสงสารตายลง เทพเฮเดส เวทนาสงสารนางอัปสร จึงเปลี่ยนร่างของนางให้กลายเป็น พืชชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอม และได้กลายเป็นพืชประจำพระองค์ตลอดมา
   อาณาจักรยมโลกของเฮเดส เป็นดินแดนเร้นลับ อยู่ใต้พื้นโลกที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง คำว่า เฮเดส เป็นภาษากรีกโบราณ แปลว่า "มองไม่เห็น" ลักษณะของยมโลก ในตำนานของทุกชาติ มีความคล้ายคลึงกันตรงที่ เป็นสถานที ที่ไม่มีใครอยากไปเยี่ยมชม ผู้ถูกลงทัณฑ์อยู่ในนั้น ก็อยู่ในสภาพทุกข์ทรมาน เจ็บป่วย เต็มไปด้วยทุกขเวทนา และเป็นดินแดนลี้ลับภายใต้พื้นพิภพที่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องไม่ถึง อาณาจักรแห่งนี้จึงมืดมิด และหนทางที่จะลงไปก็ลำบากเอาการ เพราะต้องเดินทางไปถึงจุดสุด ของพิภพโดยข้ามมหาสมุทรไป
   จากความเชื่อนี้เอง จึงเกิดธรรมเนียมเอาเงินใส่ปากคนตายก่อนฝัง เพื่อใช้ในการข้ามแม่น้ำ 3 สาย คือ...
                              1. แม่น้ำ สติกซ์
                          แม่น้ำแห่งความเกลียด

                              2. แม่น้ำ ลีธี
  แม่น้ำแห่งการลืม (เมื่อดวงวิญญาณคนตายได้ดื่มน้ำนี้แล้ว จะลืมความหลังทั้งหมด)

                           3. แม่น้ำ เฟลจีธอน
   แม่น้ำไฟ (มีเปลวไฟลุกไหม้โชติช่วง อยู่บนผิวน้ำ และอยู่ขุมที่ลึกที่สุด เรียกว่า ทาร์ทารัส)

   "ชาวกรีกโบราณจะถวายการสักการะแด่เฮเดส ด้วยแกะดำ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่เร้นลับ สืบหามาว่า หากบูชาเทพแห่งความตาย หรือเทพอันใดที่เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัว หรือชั่วร้าย ต้องบูชายัญด้วยแพะ หรือ แกะดำ"

โพไซดอน (Poseidon) เทพแห่งท้องทะเล แผ่นดินไหว และม้า

โพไซดอน (Poseidon)
   โพไซดอน เป็นผู้คุ้มคลองท้องทะเล และห้วยน้ำ เป็นพระอนุชาของมหาเทพซุส เทพที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาเหล่าเทพเจ้า ส่วนพระชายาของพระองค์ คือ เทพีอัมฟิไทรต์ ซึ่งก็เป็นเทพีแห่งท้องทะเลเช่นกัน
   โพไซดอน เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และ มหาสมุทร เป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งท้องน้ำ ตั้งแต่ แหล่งน้ำจืด แม่น้ำ ลำคลอง จนถึงใต้บาดาล มีอาวุธ คือ ตรีศูน (สามง่าม) บางตำนานกล่าวว่า มีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้แล้วยังถือเป็นเทพเจ้าแห่ง แผ่นดินไหว และเป็นเทพแห่งม้าอีกด้วย
   รูปลักษณ์ของโพไซดอน ส่วนมากจะปรากฏเป็น ชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำล่ำสัน มีหนวดเครา ถือสามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งสามง่ามนี้ มีอิทธิฤทธิ์ สามารถดลบันดาลให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเล หรือแผ่นดินไหวได้ ครั้งหนึ่ง โพไซดอน เคยคิดที่จะโค่นอำนาจของซุส โดยร่วมมือกับ เฮราและ อเธนา แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกซุสลงโทษ โดยการให้ไปสร้างกำแพงเมือง ทรอย ร่วมกับเทพ อพอลโล
 
   โพไซดอน มีมเหสีาองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงรับใช้ของเทพี อเธนา คือ เมดูซา ซึ่งในตอนแรกนั้น ยังไม่ถูกสาปให้มีผมเป็นงู เพิ่งจะเป็นเช่นนั้นเมื่อ เทพีอเธนา ทราบเรื่องว่า หญิงรับใช้ของตน ไปเป็นมเหสีของ โพไซดอน (โพไซดอน มีศักดิ์เป็นลุงของ อเธนา) จึงสาป เมดูซา ให้เป็นปีศาจที่มีผมเป็นงู และเมื่อมองใคร ก็จะกลายเป็นหินไปหมด ในคราวที่ เพอร์ซิอุส ปราบเมดูซานั้น เพอร์ซิอุส ได้ตัดศรีษะของ เมดูซา แล้วเลือดของ เมดูซา ที่กระเซ็นออกมา กลายเป็นม้าบินสองตัว คือ เพกาซัส และ คริสซาออร์ ดังนั้น จึงถือว่า ม้าทั้งสองตัวนี้ เป็นลูกของ โพไซดอนด้วย
   โพไซดอน มีพาหนะเป็นม้าเทียมรถ มี่มีส่วนบนเป็นม้า ส่วนล่างเป็นปลา ซึ่งบางครั้ง จะพบรูปโพไซดอน อยู่บนรถเทียมม้านี้ ขึ้นมาจากทะเล โพไซดอน เป็นเทพที่ขี้หงุดหงิด และโมโหง่าย ดวงตาสีฟ้าดุดัน มองผ่านทะเลม่านหมอกได้ และผมสีน้ำทะเลสยายลงมา ปักตรีศูล ลงบนพื้นดิน โลกก็จะเกิดการสั่นสะเทือน และแผ่นดินแยกออกจากกัน เมื่อฟาดตรีศูลลงบนทะเล ก็จะบังเกิดคลื่นลูกใหญ่เท่าภูเขา และเกิดพายุ มีเสียงครึกโครมน่ากลัว ทำให้เรืออับปางลง ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลจมน้ำ แต่เมื่อยามที่ โพไซดอน อารมณ์ดี จะทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป ทำให้ทะเลสงบ และทรงยกแผ่นดินใหม่ขึ้นมาจากน้ำ
   ในสมัยที่ โครนอส และ ไททัน เป็นใหญ่อยู่นั้น เนรูส เป็นผู้ปกครองทะเล เนรูสเป็นโอรสของ พระแม่ธรณี กับ พอนทัส หรือ ทะเล ซึ่งเป็นสวามีองค์ที่สอง เนรูสเป็นเทพเจ้าผู้ชราแห่งทะเล มีหนวดสีเทายาว มีหางเป็นปลา และมีธิดาเป็นนางพรายน้ำ 50 นาง คือ เนรีด ผู้น่ารัก เมื่อโพไซดอนได้รับมอบหมายให้มาเป็นเจ้าแห่งทะเลแทน เนรูส ผู้ชราที่มีน้ำพระทัยดี ก็ทรงยกธิดานามว่า อัมฟิไทรต์ ให้เป็นมเหสีของโพไซดอน แล้วเธอเองกลับปลีกตัวไปประทับอย่างสงบในถ้าใต้บาดาล เนรูสทรงยกปราสาทใต้ทะเลให้แก่โพไซดอน และพระราชินีองค์ใหม่ด้วยปราสาททองคำ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนหินปะการัง และไข่มุก อัมฟิไทรต์ จึงประทับที่ปราสาทแห่งนี้อย่างมีความสุข พร้อมกันนั้น ยังห้อมล้อมด้วยนางพรายน้ำ พี่น้องของตนอีก 49 นาง นางมีโอรสเพียงองค์เดียว นามว่า ไทรทัน ซึ่งมีหางเป็นปลา เหมือนเนรูส ผู้เป็นตาของเขา...โพไซดอน ไม่ค่อยประทับอยู่ที่ปราสาท เพราะไม่ชอบอยู่นิ่งๆ แต่ทรงโปรดที่จะขับรถเทียมม้า สีขาวเหมืนหิมะ แข่งกับลูกคลื่นที่แตกกระจาย โพไซดอน ทรงมีพระชายาและ โอรส ธิดา มากมาย เหมือนซุส แต่ต่างกันตรงที่  อัมฟิไทรต์ ไม่ทรงหึงหวงเหมือนกับ เฮรา (น้องและมเหสีของซุส)...

 บทความนี้ เป็นเรื่องย่อเท่านั้นนะ เพราะมีหลายที่มามาก แต่ละที่มาก็จะต่างกันไปตามตำนานในที่นั้นๆ...

Son Goten

Son Goten ลูกชายคนเล็กของโกคูกับจีจี้ เป็นน้องชายของโกฮังที่ไม่เคยเจอหน้าพ่อเลยจนกระทั่งอายุ 7 ปี โกเทนเป็นเพื่อนรักกับ ทรังคซ์ มาตั้งแ...