6 ก.ย. 2559

เทพไททัน (Titan)

"เทพไททัน" เป็นเทพ 12 องค์ ที่เรืองอำนาจในช่วง ยุคทอง (Golden Age) และถูกล้มอำนาจโดยเทพ โอลิมปัส (Olympus)
 
   ตามตำนานของชาวกรีก ไททัน เป็นเทพรุ่นเก่า ซึ่งถูกชิงอำนาจไปโดยเหล่าเทพโอลิมปัส เหล่าเทพไททัน เป็นบุตรของ ไกอา และ ยูเรนัส มีจำนวน 12 องค์ คือ...
1. โอเชียนุส
2. โคเออุส
3. คริอุส
4. ฮิปเพอริออน
5. ลาพาทุส
6. ไธอา
7. รีอา
8. ธีมิส
9. นีโมซินี
10. ฟีบี
11. ทีธิส
12. โครนอส
และในภายหลังได้มีการเพิ่ม ไดโอนี เข้ามาเป็นเทพีไททัน องค์ที่ 13 ด้วย..
 
   เทพไททัน เป็นหนึ่งในบรรดาลูกของไกอา ที่ถูกยูเรนัส โยนลงไปยังใต้พื้นพิภพ ไกอาแค้นกับการกระทำของยูเรนัส จึงได้ชักชวนบุตรของตน ให้รวมตัวกันเพื่อล้มอำนาจของยูเรนัส (ผู้เป็นพ่อ)

   โครนอส ผู้เป็นบุตรองค์สุดท้อง อาสาที่จะทำการกบฏนี้ และสามารถล้มล้างอำนาจของยูเรนัสได้สำเร็จ แต่กลับไม่ทำตามสัญญา ที่ให้ไว้กับไกอา ว่า...จะช่วยพี่น้องของตนขึ้นมาด้วย ไกอาโกรธมาก จึงสาปให้โครนอส ต้องถูกลูกของตนเองยึดอำนาจเช่นเดียวกับที่โครนอส ได้ทำกับยูเรนัส คำสาปของไกอา ประสบผลเมื่อเทพโอลิมปัสได้ถือกำเนิดขึ้น และยึดอำนาจจากโครนอสได้สำเร็จ (ซึ่งก็คือ เทพซุส บุตรของโครนอสนั้นเอง)...

4 ก.ย. 2559

เฮเดส (Hedes) เจ้าแห่งความตาย และ ความร่ำรวย

                             เฮเดส (Hedes)
                  เจ้าแห่งความตาย และ ความร่ำรวย

   เมื่อมหาเทพซุส โค่นเทพโครนัส บิดาของตนได้ เทพซุสได้แต่งตั้งเทพ โพไซดอน ปกครองมหาสมุทร และแม่น้ำทั้งปวง และให้เทพ เฮเดส ปกครองดินแดนยมโลก หรือ นรก เทพเฮเดส เป็นผู้ปกครองนรกซึ่งมีแต่ความมืดมิดน่ากลัว จึงไม่ได้ขึ้นไปบนเขาโอลิมปัสบ่อยนัก อีกทั้งเทพองค์อื่นๆ ก็ไม่ชอบที่จะต้อนรับเฮเดสด้วย ดังนั้น เฮเดสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่งในเทพโอลิมปัส เฉกเช่นองค์อื่นๆ
   ในตำนานถือได้ว่า เฮเดส เป็นเจ้าแห่งทรัพย์ เพราะเทพเฮเดสมีสิทธิในทรัพย์สินทุกอย่างภายในใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (dis) ซึ่งแปลว่า ทรัพย์สิน...นอกจากนั้น เฮเดส ยังได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดี ความชั่วของคนตาย โดยปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่ง ที่สามารถทำให้ผู้สวมใส่หายตัวได้ และพระองค์มีเทพผู้ช่วยในการตัดสินในยมโลกอีก 3 องค์ คือ ราดาแมนทีส, ไมนอส, ไออาคอส โดยมีชื่อเรียกว่า สามเทพสุภา และยังมี ฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส เทพแห่งความตาย คอยให้การช่วยเหลืออีกด้วย...
   ครั้งหนึ่ง เมื่อเทพเฮเดส ได้เสด็จขึ้นมาบนพื้นโลก ได้พบกับเทพี เปอร์เซโฟนี เทพแห่งฤดูใบไม่ผลิ และเป็นธิดาของ เทพีดิมีเทอร์ เทพีแห่งธัญญาหาร หรือ พระแม่โพสพ กับ มหาเทพซุส ซึ่งเทพี เปอร์เซโฟนี ก็เป็นหลานของเทพเฮเดสนั้นเอง อย่างไรก็ตาม เทพเฮเดส หลงรักเทพีเปอร์เซโฟนี ทันทีที่พบนาง พร้อมกับฉุดฝืนใจนาง พาลงสู่ดินแดนใต้พิภพ เพื่อครองคู่ เมื่อเทพีดิมีเทอร์ ทราบว่า ธิดาของตนถูกลักพาตัว ก็ร้องเรียนต่อมหาเทพซุส ให้ช่วยนำธิดาของเธอคืนมา มหาเทพจึงส่งเทพเฮอร์มีส เป็นฑูตไปเจรจากับเทพเฮเดส การเจรจาคราวนั้นมีเงื่อนไขว่า ถ้าเทพีเปอร์เซโฟนี ไม่ได้เสวยอะไรในยมโลก เทพเฮเดส ต่องส่งนางคืนแก่เทพีดิมีเทอร์ โดยทันที แต่หากเทพีเปอร์เซโฟนี เสวยของในยมโลก เทพเฮเดสก็จะมีสิทธิในตัวนาง ผลปรากฎว่า เทพีเปอร์เซโฟนี ได้เสวยเมล็ดทับทิมไป 6 เมล็ด จึงตกลงกันว่า ในแต่ละปี เทพีเปอร์เซโฟนี จะกลับขึ้นมาอยู่กับพระมารดาบนพื้นโลก 6 เดือน และต้องกลับไปอยู่กับเทพเฮเดส ในยมโลกอีก 6 เดือน ช่วงที่เทพีเปอร์เซโฟนี ขึ้นมาอยู่บนพื้นโลกนั้น เทพีดิมีเทอร์ มีความยินดีอย่างยิ่ง ทำให้แผ่นดินและพืชพันธุ์คืนสู่ความเขียวขจี พร้อมกับเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน และเมื่อต้องกลับไปยังยมโลก พืชพันธุ์ และ แผ่นดินที่เคยเขียวขจี ก็จะเหี่ยวแห้ง อับเฉา พร้อมกับเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
   มีอยู่ครั้งหนึ่ง เทพเฮเดส ทรงหลงเสน่ห์ความน่ารักของนางอัปสรนามว่า มินธี แต่ทว่าความรักครั้งนี้ไม่ยั่งยืน ด้วยเหตุที่ เทพีดิมีเทอร์ ซึ่งมีฐานะเป็นแม่ยาย เห็นเทพเฮเดส ทำท่าจะนอกใจธิดาของตน เทพีก็พิโรธโกรธเกรี้ยว ลงทัณฑ์ จนมินธี นางอัปสรผู้น่าสงสารตายลง เทพเฮเดส เวทนาสงสารนางอัปสร จึงเปลี่ยนร่างของนางให้กลายเป็น พืชชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอม และได้กลายเป็นพืชประจำพระองค์ตลอดมา
   อาณาจักรยมโลกของเฮเดส เป็นดินแดนเร้นลับ อยู่ใต้พื้นโลกที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง คำว่า เฮเดส เป็นภาษากรีกโบราณ แปลว่า "มองไม่เห็น" ลักษณะของยมโลก ในตำนานของทุกชาติ มีความคล้ายคลึงกันตรงที่ เป็นสถานที ที่ไม่มีใครอยากไปเยี่ยมชม ผู้ถูกลงทัณฑ์อยู่ในนั้น ก็อยู่ในสภาพทุกข์ทรมาน เจ็บป่วย เต็มไปด้วยทุกขเวทนา และเป็นดินแดนลี้ลับภายใต้พื้นพิภพที่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องไม่ถึง อาณาจักรแห่งนี้จึงมืดมิด และหนทางที่จะลงไปก็ลำบากเอาการ เพราะต้องเดินทางไปถึงจุดสุด ของพิภพโดยข้ามมหาสมุทรไป
   จากความเชื่อนี้เอง จึงเกิดธรรมเนียมเอาเงินใส่ปากคนตายก่อนฝัง เพื่อใช้ในการข้ามแม่น้ำ 3 สาย คือ...
                              1. แม่น้ำ สติกซ์
                          แม่น้ำแห่งความเกลียด

                              2. แม่น้ำ ลีธี
  แม่น้ำแห่งการลืม (เมื่อดวงวิญญาณคนตายได้ดื่มน้ำนี้แล้ว จะลืมความหลังทั้งหมด)

                           3. แม่น้ำ เฟลจีธอน
   แม่น้ำไฟ (มีเปลวไฟลุกไหม้โชติช่วง อยู่บนผิวน้ำ และอยู่ขุมที่ลึกที่สุด เรียกว่า ทาร์ทารัส)

   "ชาวกรีกโบราณจะถวายการสักการะแด่เฮเดส ด้วยแกะดำ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่เร้นลับ สืบหามาว่า หากบูชาเทพแห่งความตาย หรือเทพอันใดที่เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัว หรือชั่วร้าย ต้องบูชายัญด้วยแพะ หรือ แกะดำ"

โพไซดอน (Poseidon) เทพแห่งท้องทะเล แผ่นดินไหว และม้า

โพไซดอน (Poseidon)
   โพไซดอน เป็นผู้คุ้มคลองท้องทะเล และห้วยน้ำ เป็นพระอนุชาของมหาเทพซุส เทพที่มีอำนาจสูงสุดในบรรดาเหล่าเทพเจ้า ส่วนพระชายาของพระองค์ คือ เทพีอัมฟิไทรต์ ซึ่งก็เป็นเทพีแห่งท้องทะเลเช่นกัน
   โพไซดอน เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และ มหาสมุทร เป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งท้องน้ำ ตั้งแต่ แหล่งน้ำจืด แม่น้ำ ลำคลอง จนถึงใต้บาดาล มีอาวุธ คือ ตรีศูน (สามง่าม) บางตำนานกล่าวว่า มีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้แล้วยังถือเป็นเทพเจ้าแห่ง แผ่นดินไหว และเป็นเทพแห่งม้าอีกด้วย
   รูปลักษณ์ของโพไซดอน ส่วนมากจะปรากฏเป็น ชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำล่ำสัน มีหนวดเครา ถือสามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งสามง่ามนี้ มีอิทธิฤทธิ์ สามารถดลบันดาลให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเล หรือแผ่นดินไหวได้ ครั้งหนึ่ง โพไซดอน เคยคิดที่จะโค่นอำนาจของซุส โดยร่วมมือกับ เฮราและ อเธนา แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกซุสลงโทษ โดยการให้ไปสร้างกำแพงเมือง ทรอย ร่วมกับเทพ อพอลโล
 
   โพไซดอน มีมเหสีาองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงรับใช้ของเทพี อเธนา คือ เมดูซา ซึ่งในตอนแรกนั้น ยังไม่ถูกสาปให้มีผมเป็นงู เพิ่งจะเป็นเช่นนั้นเมื่อ เทพีอเธนา ทราบเรื่องว่า หญิงรับใช้ของตน ไปเป็นมเหสีของ โพไซดอน (โพไซดอน มีศักดิ์เป็นลุงของ อเธนา) จึงสาป เมดูซา ให้เป็นปีศาจที่มีผมเป็นงู และเมื่อมองใคร ก็จะกลายเป็นหินไปหมด ในคราวที่ เพอร์ซิอุส ปราบเมดูซานั้น เพอร์ซิอุส ได้ตัดศรีษะของ เมดูซา แล้วเลือดของ เมดูซา ที่กระเซ็นออกมา กลายเป็นม้าบินสองตัว คือ เพกาซัส และ คริสซาออร์ ดังนั้น จึงถือว่า ม้าทั้งสองตัวนี้ เป็นลูกของ โพไซดอนด้วย
   โพไซดอน มีพาหนะเป็นม้าเทียมรถ มี่มีส่วนบนเป็นม้า ส่วนล่างเป็นปลา ซึ่งบางครั้ง จะพบรูปโพไซดอน อยู่บนรถเทียมม้านี้ ขึ้นมาจากทะเล โพไซดอน เป็นเทพที่ขี้หงุดหงิด และโมโหง่าย ดวงตาสีฟ้าดุดัน มองผ่านทะเลม่านหมอกได้ และผมสีน้ำทะเลสยายลงมา ปักตรีศูล ลงบนพื้นดิน โลกก็จะเกิดการสั่นสะเทือน และแผ่นดินแยกออกจากกัน เมื่อฟาดตรีศูลลงบนทะเล ก็จะบังเกิดคลื่นลูกใหญ่เท่าภูเขา และเกิดพายุ มีเสียงครึกโครมน่ากลัว ทำให้เรืออับปางลง ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลจมน้ำ แต่เมื่อยามที่ โพไซดอน อารมณ์ดี จะทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป ทำให้ทะเลสงบ และทรงยกแผ่นดินใหม่ขึ้นมาจากน้ำ
   ในสมัยที่ โครนอส และ ไททัน เป็นใหญ่อยู่นั้น เนรูส เป็นผู้ปกครองทะเล เนรูสเป็นโอรสของ พระแม่ธรณี กับ พอนทัส หรือ ทะเล ซึ่งเป็นสวามีองค์ที่สอง เนรูสเป็นเทพเจ้าผู้ชราแห่งทะเล มีหนวดสีเทายาว มีหางเป็นปลา และมีธิดาเป็นนางพรายน้ำ 50 นาง คือ เนรีด ผู้น่ารัก เมื่อโพไซดอนได้รับมอบหมายให้มาเป็นเจ้าแห่งทะเลแทน เนรูส ผู้ชราที่มีน้ำพระทัยดี ก็ทรงยกธิดานามว่า อัมฟิไทรต์ ให้เป็นมเหสีของโพไซดอน แล้วเธอเองกลับปลีกตัวไปประทับอย่างสงบในถ้าใต้บาดาล เนรูสทรงยกปราสาทใต้ทะเลให้แก่โพไซดอน และพระราชินีองค์ใหม่ด้วยปราสาททองคำ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนหินปะการัง และไข่มุก อัมฟิไทรต์ จึงประทับที่ปราสาทแห่งนี้อย่างมีความสุข พร้อมกันนั้น ยังห้อมล้อมด้วยนางพรายน้ำ พี่น้องของตนอีก 49 นาง นางมีโอรสเพียงองค์เดียว นามว่า ไทรทัน ซึ่งมีหางเป็นปลา เหมือนเนรูส ผู้เป็นตาของเขา...โพไซดอน ไม่ค่อยประทับอยู่ที่ปราสาท เพราะไม่ชอบอยู่นิ่งๆ แต่ทรงโปรดที่จะขับรถเทียมม้า สีขาวเหมืนหิมะ แข่งกับลูกคลื่นที่แตกกระจาย โพไซดอน ทรงมีพระชายาและ โอรส ธิดา มากมาย เหมือนซุส แต่ต่างกันตรงที่  อัมฟิไทรต์ ไม่ทรงหึงหวงเหมือนกับ เฮรา (น้องและมเหสีของซุส)...

 บทความนี้ เป็นเรื่องย่อเท่านั้นนะ เพราะมีหลายที่มามาก แต่ละที่มาก็จะต่างกันไปตามตำนานในที่นั้นๆ...

3 ก.ย. 2559

กำเนิด เทพซุส

  ตำนานการถือกำเนิดของเทพซุส มีอยู่ว่า เทพีไกอา เทพมารดาแห่งผืนดิน ได้สมรสกับ เทพยูเรนัส เทพแห่งท้องฟ้า และมีบุตรกลุ่มแรกคือ เหล่าเทพไททัน ซึ่งสร้างความภาคภูมิแก่เทพยูเรนัสมาก แต่ทว่าบุตรต่อๆ มาของเทพีไกอา กลับมีรูปร่างอัปลักษ์และน่ากลัว เช่น ยักษ์ไซคลอปส์ ที่มีตาข้างเดียวกลางใบหน้า และอสูรกายน่าเกลียดต่างๆ ทำให้เทพยูเรนัสพิโรธ โยนบุตรเหล่านั้นลงไปขังไว้ในคุก ทาร์ทารัส ใต้พิภพ
  เทพีไกอาแค้นเทพยูเรนัสมาก จึงยุยงให้เหล่าเทพไททันก่อกบฎ แต่ไม่มีเทพองค์ใดที่กล้าพอที่จะชิงบังลังก์พระบิดาได้ ยกเว้น เทพโครนอส และจากการช่วยเหลือจากเทพีไกอา ทำให้เทพโครนอสชิงบัลลังก์ได้สำเร็จ ทว่าเทพโครนอสไม่ทำตามสัญญา ที่จะปล่อยอสูรผู้เป็นน้อง เทพีไกอาจึงสาปแช่งว่า "บุตรที่จะเกิดมาของเจ้า จะชิงอำนาจของเจ้า เหมือนที่เจ้าได้ทำกับพระบิดา"
  เทพโครนอสตระหนักมาก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เทพีรีอา พระชายาของโครนอส ได้ตั้งครรภ์ เมื่อเทพโครนอสได้ข่าวการประสูติ จึงได้บุกเข้าไปในตำหนักพระชายา และจับทารกผู้เป็นสายเลือดของตน กลืนลงท้องไป และครรภ์ต่อๆ มา ของเทพีรีอาก็เช่นกัน ส่งผลให้เทพีรีอาเศร้าเสียใจอย่างมาก
  เทพโครนอสให้กำเนิดบุตรและธิดารวม 6 องค์ คือ เฮสเทีย, เฮเดส, ดีมีเทอร์, โพไซดอน, เฮรา, และ ซุส ซึ่งพอกำเนิดมา ได้ถูกเทพโครนอสจับกลืนลงท้องไป แต่เนื่องด้วย ซุสหนีออกมาได้ จึงรอให้ตัวเองโต แล้วกลับมาช่วยพี่น้องอีก 5 องค์ในภายหลัง เนื่องจาก 5 องค์ที่ถูกกลืนเข้าไปนั้นเป็นเทพ จึงไม่ตาย ต่อให้อยู่ในท้องเทพโครนอสก็ตาม...
  ซุสในวัยเยาว์...
  เทพีรีอา ได้ซ่อนซุสไว้ในถ้ำ ที่ตั้งอยู่ที่เทือกเขาไอด้า ในกรีก ตามเทพปกรณัมเล่าขานกันไว้หลายเรื่องราว ดังนี้..
1. พระองค์โตมาในการเลี้ยงดูของไกอา
2. พระองค์โตมาในการเลี้ยงดูของแพะ นามว่า อมัลธีอา โดยมีกลุ่มของ คูรีเตส เหล่าทหารหรือเทพเจ้าตัวเล็กๆ ที่ใช้หอก และโล่ห์ มากระทบกัน จนเกิดเสียงดัง จนเทพโครนอส ไม่ได้ยินเสียงร้องของซุส
3. พระองค์โตมาในการเลี้ยงดูของ นางไม้ นามว่า อดาแมนธีอา หรือ อดาแมนเธีย เทพโครนอสได้ตั้งกฎ เพื่อปกครองผืนดิน ท้องฟ้า และทะเล นางจึงซ่อนพระองค์โดยการห้อยพระองค์หลวมๆ ด้วยเชือกที่ผูกไว้กับต้นไม้ ทำให้พระองค์ ไม่ได้อยู่บนผืนดิน ท้องฟ้า และทะเล ด้วยประการนี้ เทพโครนอสผู้เป็นบิดาจึงมองไม่เห็น
4. พระองค์โตมาในการเลี้ยงดูของ นางไม้ นามว่า ไซโนซูรา และด้วยความกตัญญู ภายหลัง ซุสโปรดให้นางสถิตย์ท่ามกลางดวงดาว
5. พระองค์โตมาในการเลี้ยงดูของ เมลิสซา ผู้ถนอมเลี้ยงดูพระองค์ด้วยนม และน้ำผึ้ง
6. พระองค์โตมาในการเลี้ยงดูของ ครอบครัวเลี้ยงแกะ ภายใต้คำสัญญาที่ว่า "แกะของพวกเจ้า จะปลอดภัยจากหมาป่า"
  เมื่อซุสเติบโตเป็นวัยหนุ่ม พระองค์ได้บังคับให้เทพโครนอสสำรอกหินออกมา ซึ่งตามมาด้วยกับเหล่าพี่น้องของพระองค์ (ในบางตำนานกล่าวว่า มีทิส เป็นผู้ปรุงยาให้ซุส เพื่อนำไปให้เทพโครนอส บ้างก็ว่า ซุส เป็นผู้ผ่าท้องของเทพโครนอส แล้วพาพี่น้องออกมา) รวมถึงปลดปล่อย ไจแอนเตส, ฮีคาโตนไคเรส และ ไซคลอปส์ จากขุมนรก ทาร์ทารัส และสังหารผู้คุม แคมพี
  ด้วยความขอบคุณ เหล่าไซคลอปส์จึงมอบ อัสนีบาต และ สายฟ้า หรือ ฟ้าผ่าให้แก่ซุส ซึ่งก่อนหน้านี้ ไกอาได้นำไปซ่อนไว้ ซุสและพี่น้องทั้งหมด รวมถึงพวก ไจแอนเตส, ฮีคาโตนไคเรส และ ไซคลอปส์ ได้ร่วมมือกันโค่นเทพโครนอส และ ยักษ์ตนอื่นๆ ในมหาสงครามไททันโนวาชี เหล่ายักษ์ที่พ่ายแพ้ โดนส่งไปยังขุมนรกทาร์ทารัส (แอตลาส)...ผู้นำกลุ่มยักษ์ที่ต่อต้านซุส โดนลงโทษให้แบกโลกไว้ตลอดเวลา
  หลังเสร็จสิ้นมหาสงครามครั้งนั้น ซุสได้ร่วมกันปกครองโลกกับพี่น้อง ซึ่งก็คือ โพไซดอน และ เฮเดส ดังนี้..
  ซุส ปกครอง สวรรค์
  โพไซดอน ปกครอง ท้องทะเล
  เฮเดส ปกครอง โลกหลังความตาย (นรก)
มารดาแห่งผืนดิน ไกอา ยอมรับไม่ได้ที่เป็นเช่นนั้น พระนางจึงบรรดาลให้ส่วนของโพไซดอน มีเหตุให้เกิดแผ่นดินไหว และทำให้ เฮเดส ถูกกล่าวหาว่า ทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตาย
  ไกอาโกรธแค้นซุส ที่สังหารเหล่ายักษ์ ซึ่งเป็นลูกๆ ของนาง หลังจากซุสขึ้นปกครองเหล่าเทพ พระนางจึงได้ปล่อยสัตว์ร้าย ไทฟอน และ เอไคนา ออกมา แต่ซุสปราบไทฟอน และขังไว้ใต้หุบเขา เอตน่า ส่วน เอไคนา พระองค์ทรงปล่อยให้มีชีวิตอยู่กับลูกๆ ต่อไป...จบ (นี้เป็นเพียงเรื่องย่อบางส่วนเท่านั้นนะครับ) วันหลังจะมาเขียนใหม่ แต่ยังไม่รู้ว่า จะเขียนเรื่องของเทพองค์ไหนต่อ..ไปคิดก่อน วันนี้ แค่นี้ล่ะ...see you next time...bye

1 ก.ย. 2559

สำนวนอังกฤษ ที่ได้ยินกันบ่อยๆ และฝรั่งนิยมใช้..

สำนวน ในความหมายของเรา ที่เราพอจะรู้ ก็คือคำเปรียบเทียบ เปรียบเปรย ใช่ป่ะ..ประมาณว่า ยกตัวอย่างมาเพื่อใช้ทดแทนความหมาย หรือสถานการณ์นั้นๆ..(ล่ะมั๊ง)
เอาเป็นว่ามาดูกัน ว่ามีคำไหนที่เค้าใช้กันบ่อยๆนะ..

1. Don't beat around the bush.
  แปลตรงตัวคือ "อย่าตีรอบๆ พุ่มไม้"
  แต่ความหมายของสำนวนคือ "อย่าพูดวกวน / ไม่ตรงจุด"

2. Piece of cake.
  แปลตรงตัวคือ "เค้ก 1 ชิ้น"
  สำนวนคือ "เรื่องง่ายๆ หรือสิ่งที่ทำง่ายมากๆ"

3. When pigs fly.
  ตรงตัวคือ "เมื่อหมูบิน"
  สำนวนคือ "เรื่องที่เป็นไปไม่ได้"

4. Once in a blue moon.
  ตรงตัวคือ "นานๆ จะมีพระจันทร์สีฟ้า/น้ำเงินซักที"
  สำนวนคือ "นานๆ จะเกิดขึ้นซักที / นานๆที"

5. Break a leg.
  ตรงตัวคือ "หักขา" ฟังดูโหดว่ะ..
  สำนวนคือ "ขอให้โชคดี" จริงจริ๊งงงง!!

6. Put your foot in your mouth.
  ตรงตัวคือ "เอาเท้า(ตีน)ยัดปาก"
  สำนวนคือ "การที่ไปพูดถึง หรือ ไปทำอะไรซักอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับบุคคลนั้นๆ" (เหมือนกับไปนินทาบุคคลที่สาม ที่เค้าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราพูดไปนั้นแหละ)งงมั๊ยเนี้ย?

7. Sick and tired.
  ตรงตัวคือ "ป่วยและเหนื่อย"
  สำนวนคือ "เซ็ง , เบื่อ , ไม่ชอบ"

8. Sleep on it.
  ตรงตัวคือ "นอนบนนั้น"
  สำนวนคือ "การนอนคิด หรือ ใช้เวลาในการตัดสินใจ"

9. Take it easy.
  ตรงตัวคือ "ทำให้มันง่าย"
  สำนวนคือ "ทำตัวสบายๆ ง่ายๆ ชิวๆ / ใจเย็นๆ"

10. Get something off your chest.
  ตรงตัวคือ "เอาบางสิ่งออกจากอก"
  สำนวนคือ "ระบายเรื่องกลุ้มใจ หรือ ไม่สบายใจ"

ทียกตัวอย่างมานี้ มันแค่ส่วนน้อยนะ จริงๆแล้ว มีเยอะมาก ผมแค่คัดมาเท่านี้ เพราะรู้สึกว่า ในหนัง หรือในเพลงของฝรั่งเค้าใช้กันบ่อยๆ แค่นั้นเอง ผมเองไม่ได้เก่งภาษามาจากไหนหรอกนะ แค่รู้สึกว่า น่าจะมีประโยชน์บ้างแหละ ไม่มากก็น้อยล่ะ...ไปล่ะ
See you next time.. bye!!

Son Goten

Son Goten ลูกชายคนเล็กของโกคูกับจีจี้ เป็นน้องชายของโกฮังที่ไม่เคยเจอหน้าพ่อเลยจนกระทั่งอายุ 7 ปี โกเทนเป็นเพื่อนรักกับ ทรังคซ์ มาตั้งแ...