แสงอุษา
(ต่อจากเดิม)
...แนะนำสมาชิกในกิลล์...
เพน
หรือ นางาโตะ
สาเหตุ : เสียชีวิตเพราะคืนชีพทุกคนในโคโนฮะที่ตายเพราะเพน
ตอนโดนคาถาสัมภเวสีคืนชีพเสียชีวิตเพราะโดนอิทาจิใช้ชูซาโนโอะผนึก
สถานะ : อดีตหัวหน้าแสงอุษา
คู่หูในอดีต : โคนัน
หมายเหตุ : 1 ในลูกศิษย์ของจิไรยะก่อนมินาโตะ
และ นารูโตะ
เพน (ペイン
Pain) หัวหน้าของแสงอุษา วิชาลับของเขาคือการมีร่าง 6 ร่างที่ใช้จิตเดียวกัน รู้จักกันในชื่อ เพน 6 วิถี (ペイン六道
Pain Rikudō) ลักษณะที่เหมือนกันคือผมสีส้ม
มีการเจาะเพื่อใส่แท่งแม่เหล็กในการส่งต่อจักระจำนวนมากตามร่างกาย
และทุกร่างมีเนตรสังสาระ (輪廻眼 Rinnegan) เชื่อกันว่าเป็นวิชาเนตรดั้งเดิมที่ถูกค้นพบในโลกนินจาเป็นวิชาแรก
มีรูปร่างเป็นวงกลมซ้อนกันหลายชั้นในดวงตา
มีความสามารถช่วยให้ผู้ครอบครองสามารถใช้วิชานินจาได้ทุกชนิดและควบคุมจักระได้ทั้งหมด
6 ชนิด และยังทำให้ร่างทั้ง 6 ใช้ทัศนะวิสัยร่วมกันในการมอง
ทำให้ร่วงทั้ง 6 สามารถร่วมมือกันโจมตีและป้องกันการโจมตีจากศัตรู
โดยร่างแต่ละร่างของเพนในปัจจุบัน
ล้วนเป็นนินจาที่จิไรยะเคยพบระหว่างที่เขาเดินทางไปยังที่ต่างๆ
ตัวอย่างความสามารถของแต่ละร่าง ดังนี้
1.วิถีสวรรค์ เป็นร่างของยาฮิโกะ เพื่อนของนางาโตะและโคนัน อดีตลูกศิษย์จิไรยะ
- คลายเทพพิชิตฟ้า สามารถผลักดันทุกสิ่งให้ออกไปแล้วสามารถรวมพลังแล้วสะท้อนไปเหมือนระเบิดได้ วิชานี้เพนได้ใช้ทำลายโคโนฮะจนย่อยยับ จุดอ่อนของวิชานี้คือต้องรอ 5 วินาทีถึงจะใช้ได้อีกครั้ง
- หมื่นลักษณ์เหนี่ยวสวรรค์ สามารถดึงดูดทุกสิ่งให้เข้ามาได้
- ดาราสวรรค์ระเบิดพิภพ เพนจะปล่อยลูกบอลสีดำออกไปเพื่อสร้างแรงโน้มถ้วงมหาศาลดึงสสารทุกสิ่งอัดเข้าหากันเป็นก้อนกลม ใช้ครั้งแรกตอนสู้กับนารูโตะที่กลายเป็นเก้าหาง อีกครั้งใช้ตอนโดนคาถาสัมภเวสีคืนชีพของคาบูโตะตอนสู้กับนารูโตะและอิทาจิ
2.วิถีอสูร ร่างนี้เหมือนมนุษย์ดัดแปลง ร่างกายเป็นอาวุธ เช่น ยิงแขน ปล่อยจรวด เป็นต้น
3.วิถีเปรต สามารถดูดวิชานินจาได้ทุกชนิด
4.วิถีมนุษย์ สามารถอ่านความคิดของคนที่โดนจับและดูดวิญญาณได้
5.วิถีเดรัจฉาน สามารถอัญเชิญสัตว์ต่างๆออกมาได้ เช่น ปู นก กระทิง สุนัขสามหัว แรด ทั้งหมดมีเนตรสังสาระ เป็นต้น
6.วิถีนรก สามารถชุบชีวิตเพนร่างอื่นได้ในขณะเดียวกันก็ใช้ฆ่าคนอื่นได้เช่นกัน
เดิมทีผู้ครอบครองเนตรสังสาระที่จิไรยะพบคือนางาโตะ
(長門 Nagato) เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งจากหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ
ที่ระเห็จจากสงครามเช่นเดียวกับยาฮิโกะและโคนัน โดยพวกเขาพบกับจิไรยะ โอโรจิมารุ
และ ซึนาเดะ หลังทีมจิไรยะเสร็จภารกิจและเดินทางกลับโคโนฮะ
จิไรยะได้ดูแลและสอนวิชานินจาพื้นฐานให้พวกเขาเพื่อเอาตัวรอด
ก่อนที่จะย้อนกลับไปยังหมู่บ้านโคโนฮะ เหตุการณ์ที่เชื่อว่าเกิดชึ้นหลังจากนั้นไม่นานคือ
นางาโตะเริ่มเชื่อว่าวัยเด็กที่ทรมานของเขาได้สอนเขา
และเริ่มมองเห็นตัวเองเป็นพระเจ้าที่สอนให้โลกรู้จักการต่อสู้อย่างไร้ความหมาย
หลังจากนั้นนางาโตะก็เริ่มเคลื่อนไหวเป็นองค์กรขนาดเล็กและถูกพวกฮันโซและดันโซแห่งหน่วยลับหักหลัง
เป็นเหตุให้ยาฮิโกะต้องตาย
เพนปรากฏตัวในอาเมะคะกุเระและเริ่มสงครามกลางเมืองกับรัฐบาลในตอนนั้น
เพนยุติสงครามโดยการสังหารผู้นำหมู่บ้าน ฮันโซ
และมีการปฏิบัติภารกิจอย่างเด็ดขาดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ที่จะกลับมาแก้แค้นเหลืออยู่ในหมู่บ้าน
เพนฆ่าครอบครัว, เพื่อน, และคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของฮันโซ
และสถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้า โดยมีนินจาจำนวนมากหันมาจงรักภักดีต่อเพน
และทำสัญลักษณ์ขีดฆ่าที่กระบังหน้าเข้าร่วมเป็นแสงอุษาโดยยังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านและยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของเพนทุกประการ
โดยเพนใช้หมู่บ้านเป็นฐานทัพของเขาในการปฏิบัติงานของแสงอุษา
ซึ่งแม้ว่าเขาจะสั่งการให้กับสมาชิกคนอื่นๆ โดยตรง
และมีอำนาจเหนือพวกสมาชิกอื่นในฐานะหัวหน้า
แต่โดยพฤติกรรมแล้วเพนก็ได้รับคำสั่งมาจากโทบิ (ในนามแห่ง อุจิวะ มาดาระ)
อีกทอดหนึ่ง
นารูโตะบุกเข้าไปคุยกับเพน(นางาโตะ) ถึงสิ่งที่เขาทำลงไปและความหมายของสันติภาพที่แท้จริงกับความต้องการของจิไรยะ นางาโตะคิดได้จึงตัดสินใจที่จะใช้จักระเฮือกสุดท้ายใช้วิชาฝนชุบชีวิตคืนชีวิตให้กับชาวโคโนฮะที่โดนเพนฆ่าตายก่อนที่จะตายลง แท้จริงแล้วนางาโตะไม่ได้มีเนตรสังสาระแต่ถูกอุจิวะ มาดาระเอาเนตรสังสาระของตัวเองมาเปลี่ยนให้นางาโตะ ตอนก่อนที่นางาโตะสลบไม่รู้ตัวว่าตนฆ่านินจาโคโนฮะที่เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของนางาโตะ โดยสาเหตุที่มาดาระทำแบบนั้นเพราะคิดว่าตนจะได้ให้โอบิโตะสั่งให้นางาโตะชุบชีวิตมาดาระขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม แต่นางาโตะกลับชุบชีวิตให้กับคนในหมู่บ้านโคโนฮะ
นารูโตะบุกเข้าไปคุยกับเพน(นางาโตะ) ถึงสิ่งที่เขาทำลงไปและความหมายของสันติภาพที่แท้จริงกับความต้องการของจิไรยะ นางาโตะคิดได้จึงตัดสินใจที่จะใช้จักระเฮือกสุดท้ายใช้วิชาฝนชุบชีวิตคืนชีวิตให้กับชาวโคโนฮะที่โดนเพนฆ่าตายก่อนที่จะตายลง แท้จริงแล้วนางาโตะไม่ได้มีเนตรสังสาระแต่ถูกอุจิวะ มาดาระเอาเนตรสังสาระของตัวเองมาเปลี่ยนให้นางาโตะ ตอนก่อนที่นางาโตะสลบไม่รู้ตัวว่าตนฆ่านินจาโคโนฮะที่เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของนางาโตะ โดยสาเหตุที่มาดาระทำแบบนั้นเพราะคิดว่าตนจะได้ให้โอบิโตะสั่งให้นางาโตะชุบชีวิตมาดาระขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม แต่นางาโตะกลับชุบชีวิตให้กับคนในหมู่บ้านโคโนฮะ
โคนัน
สาเหตุ : ถูกโทบิฆ่าตายในมังงะตอนที่
252 253
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : เพน
(นางาโตะ)
เทพธิดารับใช้
ใช้วิชาเทพผู้ใช้กระดาษ ใช้กระดาษเป็นอาวุธ โคนัน
เป็นคุโนะอิจิเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มแสงอุษา มีเอกลักษณ์ที่ดอกไม้ประดับบนผม
และมักจะเห็นเธออยู่ข้างเพนเป็นประจำ อดีตของโคนัน เธอและเพื่อนอีกสองคน คือ
นางาโตะและยาฮิโกะ เป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไปในสงครามระหว่างแคว้นในหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ
และในอดีตนั้นพวกเธอทั้งสามก็ได้พบกับ สามนินจาแห่งโคโนะฮะ ซึ่งหลังจากพบกัน
จิไรยะก็ตัดสินใจที่จะดูแลเด็กๆทั้งสามคน และรับเธอกับเพื่อนเป็นศิษย์ชั่วคราว
เพื่อให้พวกเขาเข้มแข็งพอที่จะดูแลตัวเองได้ พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสามปี
จนถึงวันที่จิไรยะมั่นใจว่าเด็กๆเติบโตขึ้นจนดูแลตัวเองได้แล้ว เขาก็จากมา
พร้อมกับย้ำให้เด็กๆรู้ว่า พวกเขาได้เติบโตขึ้นแล้ว
และต่อไปในภายหน้าก็ต้องใช้ความสามารถของตัวเองเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านและโลกใบนี้ด้วยตัวเองให้ได้
อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอและเพื่อนถูกเข้าใจว่าตายในสงครามไปแล้ว
สำหรับบทบาทในองค์กรแสงอุษา โคนันถือได้ว่าเป็นคนที่มีความสำคัญในฐานะ
คู่หูและผู้ช่วยส่วนตัวของหัวหน้า
เธอเป็นคนเดียวที่ได้อยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาและไม่เคยเห็นเธอออกไปรับภารกิจข้างนอกเหมือนสมาชิกคนอื่นเลย
รวมทั้ง โคนันเป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อ เพน ห้วนๆได้ด้วย
โคนันมีความสามารถในการใช้กระดาษและสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นกระดาษ
ดูเหมือนจะเป็นความสามารถที่มาจากความชอบส่วนตัวของเธอในการพับกระดาษ (origami) เมื่อเธอเปลี่ยนตัวเองเป็นกระดาษแล้ว
ก็จะสามารถควบคุมได้แบบแยกเป็นเดียว หรือ
รวมกระดาษเหล่านั้นเข้าเป็นรูปร่างต่างๆก็ได้ เช่น ผีเสื้อ ดอกไม้ จรวดกระดาษ หรือ
อาวุธโจมตี เป็นต้น นอกจากนี้ เธอยังเคยสร้างปีกทั้งสองข้างจากกระดาษด้วย
ซึ่งเมื่อเธอเข้าสู่รูปร่างแบบนี้แล้วก็จะถูกเรียกว่า เทพธิดาผู้ส่งสาร ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักทั่วไปในหมู่บ้านอาเมะงาคุเระ
เนื่องจากเป็นรูปร่างที่จะปรากฏในฐานะผู้ส่งสารของเพน
ที่เปรียบเสมือนพระเจ้านั่นเอง อย่างไรก็ตามวิชาของเธอก็มีจุดอ่อนตรงที่
จะถูกน้ำหรือของเหลวไม่ได้
เพราะจะทำให้กระดาษติดกันและสูญเสียความแข็งในการจับยึดตัวเองเข้าด้วยกัน
โอโรจิมารุ
สถานะ : เนื่องจากเขาขโมยแหวนไปด้วย
ทำให้สมาชิกแสงอุษาเหลือเพียง 9 คน และไม่มีใครเข้ามาแทนที่ (แต่เพนมาแทนที่ในฐานะหัวหน้าองค์กร)
คู่หูในอดีต : ซาโซริ
โอโรจิมารุ (大蛇丸
Orochimaru) นินจาที่ถอนตัวจากโคโนฮะคะกุเระ
เขาได้เข้าร่วมแสงอุษาหลังจากที่ออกมาจากโคโนฮะ
และจับคู่กับซาโซริโอโรจิมารุพยายามใช้ความสามารถของเขาในการขโมยร่างอิทาจิที่เข้ามาเป็นสมาชิกในตอนหลังเพราะต้องการเนตรวงแหวนของตระกูลอุจิวะและซาโซริต้องการร่างมาเป็นหุ่นของเขา
แต่อิทาจิตอบโต้และมีพลังเหนือกว่าโอโรจิมารุ
(และอาจเป็นเพราะคนหนึ่งแทนหมู่บ้านหนึ่งก็ได้)
และทำให้โอโรจิมารุอับอายจึงคิดหนีออกจากองค์กรหลังจากนั้น
โอโรจิมารุได้นำมือข้างที่ขาดจากการต่อสู้และแหวนแสงอุษาที่ใส่อยู่ไปด้วย
เนื่องจากเขาเป็นผู้รู้ความลับและแผนการของแสงอุษาหลาย
สมาชิกของแสงอุษาจึงมีแผนการที่จะกำจัดเขาอยู่ในกำหนดการด้วยเช่นกัน
(สาเหตุที่เรียกว่าตายได้แล้วเพราะว่า โดนอิทาจิใช้ดาบโทซึกะแทงเข้าทำให้ถูกผนึกเข้าไปในโลกแห่งคาถาลวงตานิรันดร์) หลังจากที่อิทาจิใช้อิซานามิกับคาบูโตะหยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพ ซาสึเกะได้ใช้ไคจาโฮอินเพื่อเรียกโอโรจิมารุออกมาจากตัวอังโกะ ทำให้อักขระสาปในตัวอังโกะหายไป โดยไม่สนใจในสงคราม และเอาจักระของตัวเองออกจากคาบูโตะ แล้วนำทางพวกซาสึเกะไปเอาหน้ากากของยมทูต ที่วัดของตระกูลอุซึมากิ จากนอกโคโนฮะแล้วไปที่ห้องใต้ดินของศาลเจ้านาคาโนะของอุจิวะ เพื่อทำพิธีให้ยมทูตสิงร่างโอโรจิมารุสลายคาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร เพื่อที่จะนำแขนกลับมา ได้ใช้คาถาสัมปเวสีคืนชีพเพื่อเรียกโฮคาเงะรุ่นที่ 1 ถึง 4 ออกมาโดยใช้เซ็ตซึสีขาวที่ออกมาจากตัวของซาสึเกะถึง 6 ตัว โดยใช้ 4 ตัวสังเวย แล้วย้ายร่างเข้าไปในซ็ตซึสีขาว 1 ใน 2 ตัวที่เหลือ แล้วโฮคาเงะบอกคำตอบที่ซาสึเกะต้องการ จนซาสึเกะตัดสินใจจะเข้าร่วมสงครามเพื่อปกป้องสิ่งที่อิทาจิปกป้องไว้ โอโรจิมารุที่คลายการควบคุมสัมภเวสีคืนชีพ โฮคาเงะทั้ง4 จูโกะ ซุยเงสึ และคารินที่ออกมาจากโคโนฮะเพื่อมาหาซาสึเกะ โฮคาเงะรุ่นที่ 3 ถามว่าทำไมถึงช่วยซาสึเกะ โอโรจิมารุตอบว่าตอนที่อยู่ในตัวของคาบูโตะได้รู้บางอย่างว่าสิ่งที่คาบูโตะทำคือความสมบูรณ์แบบแล้วล้มเหลว แต่ตอนนี้สนใจซาสึเกะที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป ซึ่งไม่เหมือนคาบูโตะที่ไม่ยอมเลียนแบบตน ทั้งหมดเหิญไปด้วยคาถาของโทบิรามะเข้าร่วมสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 ในสงครามได้นำพาคารินกับซุยเงสึไปหาพวกคาเงะเพื่อรักษา เพราะบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับอุจิวะ มาดาระ พร้อมกับบอกเหตุผลที่ช่วยซาสึเกะเพราะตนต้องการู้ว่าซาสึเกะจะเลือกทางแบบไหนต่อไป
(สาเหตุที่เรียกว่าตายได้แล้วเพราะว่า โดนอิทาจิใช้ดาบโทซึกะแทงเข้าทำให้ถูกผนึกเข้าไปในโลกแห่งคาถาลวงตานิรันดร์) หลังจากที่อิทาจิใช้อิซานามิกับคาบูโตะหยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพ ซาสึเกะได้ใช้ไคจาโฮอินเพื่อเรียกโอโรจิมารุออกมาจากตัวอังโกะ ทำให้อักขระสาปในตัวอังโกะหายไป โดยไม่สนใจในสงคราม และเอาจักระของตัวเองออกจากคาบูโตะ แล้วนำทางพวกซาสึเกะไปเอาหน้ากากของยมทูต ที่วัดของตระกูลอุซึมากิ จากนอกโคโนฮะแล้วไปที่ห้องใต้ดินของศาลเจ้านาคาโนะของอุจิวะ เพื่อทำพิธีให้ยมทูตสิงร่างโอโรจิมารุสลายคาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร เพื่อที่จะนำแขนกลับมา ได้ใช้คาถาสัมปเวสีคืนชีพเพื่อเรียกโฮคาเงะรุ่นที่ 1 ถึง 4 ออกมาโดยใช้เซ็ตซึสีขาวที่ออกมาจากตัวของซาสึเกะถึง 6 ตัว โดยใช้ 4 ตัวสังเวย แล้วย้ายร่างเข้าไปในซ็ตซึสีขาว 1 ใน 2 ตัวที่เหลือ แล้วโฮคาเงะบอกคำตอบที่ซาสึเกะต้องการ จนซาสึเกะตัดสินใจจะเข้าร่วมสงครามเพื่อปกป้องสิ่งที่อิทาจิปกป้องไว้ โอโรจิมารุที่คลายการควบคุมสัมภเวสีคืนชีพ โฮคาเงะทั้ง4 จูโกะ ซุยเงสึ และคารินที่ออกมาจากโคโนฮะเพื่อมาหาซาสึเกะ โฮคาเงะรุ่นที่ 3 ถามว่าทำไมถึงช่วยซาสึเกะ โอโรจิมารุตอบว่าตอนที่อยู่ในตัวของคาบูโตะได้รู้บางอย่างว่าสิ่งที่คาบูโตะทำคือความสมบูรณ์แบบแล้วล้มเหลว แต่ตอนนี้สนใจซาสึเกะที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป ซึ่งไม่เหมือนคาบูโตะที่ไม่ยอมเลียนแบบตน ทั้งหมดเหิญไปด้วยคาถาของโทบิรามะเข้าร่วมสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 ในสงครามได้นำพาคารินกับซุยเงสึไปหาพวกคาเงะเพื่อรักษา เพราะบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับอุจิวะ มาดาระ พร้อมกับบอกเหตุผลที่ช่วยซาสึเกะเพราะตนต้องการู้ว่าซาสึเกะจะเลือกทางแบบไหนต่อไป
เดอิดาระ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะกับซาสึเกะ
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : ซาโซริ,
โทบิ
เดอิดาระ (デイダラ
Deidara) นินจาที่ถอนตัวจากอิวะคะกุเระ ก่อนที่จะเข้าร่วมกับแสงอุษา
เดอิดาระเป็นผู้ก่อการร้ายวางระเบิดรับจ้าง ซึ่งงานของเขาดึงดูดความสนใจของเพน
และได้ส่งสมาชิกแสงอุษาคนอื่น มารับตัวเดอิดาระมาเป็นสมาชิกใหม่
แม้ว่าเดอิดาระจะปฏิเสธแต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเข้าร่วมกลุ่มหลังจากที่พ่ายแพ้ต่ออิทาจิ
นอกจากนี้เดอิดาระยังคงมีตั้งใจที่จะกลับมาเอาชนะอิทาจิให้ได้ในอนาคต
จึงได้ฝึกฝนเทคนิกพิเศษเพื่อเอาชนะวิชาลวงตาของอิทาจิไปด้วย
เดิมทีเดอิดาระปรากฏตัวเป็นคู่หูของซาโซริ ซึ่งมีความมาสารถทางศิลปะและเข้าใจสิ่งที่เดอิดาระนับถือ
เดอิดาระจับคู่กับโทบิหลังการตายของซาโซริ
โดยเดอิดาระมองโทบิเหมือนกับรุ่นน้องหรือลูกศิษย์
แม้ว่านิสัยของโทบิจะทำให้เดอิดาระรำคาญ แต่เดอิดาระก็ดูแลโทบิเป็นอย่างดี
คอยกันโทบิออกมาจากอันตราย แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาก็ยังระรึกขอโทษโทบิในใจ
(ในการระเบิดตัวตายซึ่งกินวงกว้างและอาจจะทำให้โทบิตายไปด้วยเพราะหนีไม่ทัน)
วิชาต่อสู้ของเดอิดาระคือ
ใช้ฝ่ามือซึ่งมีปากในการสร้างดินระเบิด (起爆粘土 Kibaku Nendo) ดินที่ผสมจักระที่จะระเบิดเมื่อเขาออกคำสั่ง
โดยคำสั่งที่เขาใช้ก็คือ คัตสึ (喝 "Scold") โดยแรงระเบิดนั้นขึ้นอยู่กับจักระที่เขาใช้เข้าไปในดิน
ดินของเขาสามารถออกมาในรูปแบบใดหรือขนาดใดก็ได้
จากขนาดเล็กมากจนถึงร่างเลียนแบบตัวเขาที่สูงเสียดฟ้า
เดอิดาระชอบพูดว่างานสร้างสรรค์ของเขาเป็นศิลปะ
เชื่อว่าสิ่งที่สวยงามที่สุดคือการระเบิด ความเลื่อมใสในศิลปะของเขานั้นทำให้เขาเชื่อว่ามันไม่มีทางแพ้ได้และทำให้เขากลายเป็นคนที่มั่นใจมากเกินไป
เดอิดาระจะปรับรูปแบบการใช้ระเบิดตามลักษณะของภารกิจ
โดยเขาจะกำหนดขนาดระเบิดระหว่าง C1 ถึง C4 ซึ่ง C1 คือระเบิดที่ธรรมดาๆ และ C4 คือระเบิดที่รุนแรงที่สุดและมีการโจมตีที่ซับซ้อนที่สุด นอกจากนี้เดอิดาระยังมีวิชาลับคือปากที่บริเวณหน้าอกที่เมื่อใส่ดินเข้าไปก็จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นระเบิดมีชีวิตที่มีรัศมีการทำลาย
10 กิโลเมตร
เดอิดาระตัดสินใจใช้วิชานี้ในการต่อสู้กับซาสึเกะหลังจากพบกับความยากลำบากในการเอาชนะ
และเขามั่นใจว่าวิชานี้จะชนะเพื่อพิสูจน์ว่าศิลปะของเขาอยู่ในระดับสูงสุด
เดอิดาระฟื้นมาอีกทีตอนคาบูโตะใช้คาถาสัมภเวสีคืนชีพ
เข้าร่วมต่อสู้ในสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 ตามคำสั่งของคาบูโตะที่เป็นผู้ควบคุม
เดอิดาระได้สู้กับหน่วยของคันคุโร่
และได้ถูกคันคุโร่ขังไว้ในหุ่นกระบอกพร้อมกับโดนเสียบดาบสายฟ้าไว้ที่อกเพื่อกันไม่ให้ใช้คาถาได้(ธาตุดินแพ้สายฟ้า)
ก่อนจะหายไปตอนที่อิทาจิหยุดคาถาสัมภเวสีคืนชีพของคาบูโตะได้ ทิ้งท้ายไว้ว่า 'ศิลปะไม่มีวันตาย'
ฮิดัน
สาเหตุ : โดนกับดักของชิกามารุแล้วนำหัวไปฝังไว้ใต้ดินแล้วปิดผนึกไว้
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : คาคุสึ
ฮิดัน (飛段
Hidan) นินจาที่ถอนตัวจากยูงะคะกุเระ คู่หูปากดีของคาคุสึ ฮิดันเป็นสาวกของศาสนาจาชิน
(เทพปีศาจ) เป็นศาสนาที่บูชาเทพเจ้าซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อลัทธิ
และเชื่อว่าทุกสิ่งจะอยู่ภายใต้การพิพากษาลงทัณฑ์ของเทพปีศาจ โดย
ฮิดันจะต้องภาวนาต่อจาชินทุกครั้งก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้
เพื่อขอพรสำหรับการสังหารที่ลุล่วงหรือขอการประทานอภัยหากเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าคู่ต่อสู้
โดยหลังจากการต่อสู้ ฮิดันจะทำพิธีกรรมต่ออีกเป็นเวลา 30 นาทีตามความเชื่อทางศาสนาและจบด้วยการแทงตัวเองที่หน้าอกขณะที่นอนอยู่กับพื้น
โดยเขาจะได้รับการมีชีวิตอมตะเป็นการตอบแทน
ฮิดันสามารถรอดชีวิตจากการบาดเจ็บสาหัสได้แม้กระทั่งถูกตัดหัวก็ตาม
(แต่ถึงจะรอดชีวิตก็ต้องมีการเย็บเชื่อมต่อมันกลับเข้าหากันเพื่อกลับมาใช้ร่างกายตามปกติ)
โดยคาคุสึจะใช้ความสามารถในการช่วยต่อชิ้นส่วนที่ขาดจากกันให้และทำให้บาดแผลของเขารักษาได้ทันเวลา
การที่ฮิดันมีชีวิตอมตะนั้นก็เป็นประโยชน์ต่อคาคุสึเช่นกัน
เพราะคาคุสึนั้นมักจะอารมณ์ไม่มั่นคงและอาจสังหารคู่หูได้โดยง่าย
แต่กับฮิดันเขาสามารถโจมตีฮิดันได้เท่าที่เขาต้องการโดยไม่ต้องกังวลว่าคู่หูจะตาย
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ชอบทำงานร่วมกันและมีปากเสียงกันเสมอ
แต่จากความสามารถเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมในอุดมคติเลยทีเดียว
“ระหว่างการต่อสู้
ฮิดันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ศัตรูเกิดบาดแผลเลือดไหลและหาทางสัมผัสกับเลือดนั้น(แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม)
หลังจากนั้นเขาจะวาดสัญลักษณ์บนพื้นเพื่อใช้วิชาลับในการเชื่อมต่อร่างกายของเขาเข้ากับศัตรู
โดยวิชานี้ ฮิดันจะจำแลงกายคล้ายกับยมทูตและ
ร่างกายของตัวเขาเองจะมีความสามารถคล้ายตุ๊กตาวูดู(ตุ๊กตาสาปแช่ง)
ทำให้การโจมตีทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายของฮิดัน ไปส่งผลบาดเจ็บที่ศัตรูแทน
ฮิดันสนุกนานกับการโจมตีร่างกายตัวเองโดยไม่บาดเจ็บและส่งผลไปที่ศํตรูแทน
และมักจะจมลงด้วยการแทงที่หัวใจของตัวเองเพื่อสังหารศัตรู
โดยวิชานินจานี้จะถูกทำลายถ้าหากฮิดันเคลื่อนที่ออกจากสัญลักษณ์ที่เขาวาดขึ้นบนพื้นและจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งเมื่อกลับเข้าไปอยู่ในเขตของสัญลักษณ์เท่านั้น
ชิกามารุคิดหาวิธีต่อกรกับวิชานี้หลังจากที่ฮิดันใช้มันฆ่า ซารุโทบิ อาสึมะ
อาจารย์ของเขา และสุดท้ายฮิดันก็ติดกับแผนการที่ชิกามารุวางหมากมาเป็นอย่างดี
และถูกนำหัวไปฝังไว้ในหลุมลึกใต้ดินและปิดผนึกไว้ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่
ภายในอาณาเขตดูแลของตระกูลนารา แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าเขาตายหรือไม่
แต่ก็ทำให้เขาสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกของแสงอุษาไป”
คาคุสึ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้กับทีม
7 และ ทีม 10
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : ฮิดัน,
คู่หูของคาคุสึ
คาคุสึ (角都
Kakuzu) นินจาที่ถอนตัวจากทากิคะกุเระ และเป็นคู่หูของฮิดัน เขามีนิสัยโลภและต้องการเงิน(แม้จะอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับองค์กรแสงอุษา)
ดังนั้นการหาเงินคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคาคุสึ
โดยวิธีหาเงินที่เขาชอบคือการล่าค่าหัว
โดยเฉพาะค่าหัวของนินจาฝ่ายดีที่ถูกตั้งขึ้นในตลาดมืด(คล้ายๆการที่มาเฟีย
หรือโจรลงขันกันตั้งค่าหัวตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่สำคัญของทางการ)
คาคุสึสามารถจดจำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเงินรางวัลค่าหัวและข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย
คาคุสึถูกตั้งฉายาว่า “ขุมทรัพย์แห่งแสงอุษา” เพราะมุมมองเกี่ยวกับเงินทองของเขานี่เอง
อย่างไรก็ตามหน้าที่ที่แท้จริงของเขายังเป็นปริศนา แม้ว่าแสงอุษาจะเป็นแหล่งรายได้ที่ดี
แต่คาคุสึก็เกลียดความจริงที่ว่าเขาต้องมีคู่หู
โดยปกติแล้วเวลาที่คาคุสึเกิดความโมโห
เขามักจะเผลอฆ่าทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวรวมถึงคู่หูในทีมด้วย
เพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องมาจับคู่จับฮิดัน(ซึ่งมีร่างอมตะ)
และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่ความเป็นอมตะของฮิดันทำให้เขากลายเป็นคู่หูในฝันของคาคุสึ
ร่างกายของคาคุสึถูกปกคลุมด้วยเส้นใยประหลาดสีดำและหนาทึบจำนวนมาก
ซึ่งมีประโยชน์ในการต่อสู้ทั้งในระยะใกล้และไกล
นอกจากนี้มันยังมีปลายแหลมและพุ่งเข้าทิ่มแทงเนื้อได้โดยอัตโนมัติ
คาคุสึสามารถขโมยและยึดเอาหัวใจของศํตรูมาไว้ในร่างกายตัวเองได้
เขาสามารถเก็บหัวใจอื่นไว้กับตัวเองได้ถึง4ดวงและใช้หัวใจที่สดใหม่เข้ามาเปลี่ยนเป็นพลังงานชีวิตไปเรื่อยๆได้อย่างไม่จำกัดโดยผนึกมันไว้ที่หน้าการรูปสัตว์บริเวณหลัง4อัน หัวใจเหล่านี้ยังมีประโยชน์ทำให้คาคุสึสามารถใช้วิชานินจาธาตุต่างๆตามเจ้าของเดิมได้
และแต่ละหน้ากากสามารถแยกจากร่างกายของเขาออกไปสร้างเป็นร่างโจมตีได้อย่างอิสระและสามารถยิงระเบิดธาตุที่ทรงพลังใส่คู่ต่อสู้ได้
คาคุสึสามารถใช้หัวใจแต่ละอันทดแทนหัวใจที่อาจจะถูกทำลายไปได้ด้วย
โดยปกติคาคุสึจะใช้พลังธาตุดินในการป้องกันซึ่งทำให้เขาทนทานต่อการโจมตีทางกายภาพอย่างมาก
คาคุสึพ่ายแพ้จากการต่อสู้กับกลุ่มนินจาโคโนฮะที่ทำลายหน้ากากทั้งหมดลง
หลังจากสิ้นท่าเพราะการโจมตีอันรุนแรงของนารุโตะทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้
ซาโซริ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ
ถูกสังหารโดยซากุระและย่าจิโย (ย่าโจ)และยอมตาย
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : เดอิดาระ,
โอโรจิมารุ
ซาโซริ (サソリ
Sasori) นินจาที่ถอนตัวจากซึนะคะกุเระ ซาโซริรักย่าโจ
หลังจากการตายของพ่อแม่
ซึ่งย่าโจเป็นผู้ที่สอนเขาทุกอย่างเกี่ยวกับการใช้คาถาเชิดหุ่นในการต่อสู้
และด้วยวิชาที่เขาได้รับนี้
เขาจึงสร้างหุ่นเชิดที่คล้ายพ่อแม่ของเขาออกมาเพื่อที่จะรับรู้ถึงความรักจากพวกเขา
แต่ว่าพวกมันก็เป็นแค่หุ่นกระบอกที่ไม่มีความรู้สึก
จากนั้นก็สร้างหุ่นเชิดรูปแบบต่างๆ ขึ้นมาอย่างมากมาย
แล้วก็ถึงขั้นเอามนุษย์มาเป็นวัตถุบในการสร้าง
เขารู้สึกว่าเป็นความพยายามที่ล้มเหลวและหลังจากนั้นซาโซริก็ได้ทิ้งพวกมันไว้และออกจากหมู่บ้านไปเข้าร่วมกับแสงอุษา
แล้วก็ยังลงทุนดัดแปลงตัวเองเป็นหุ่นเชิงจึงมีร่างกายที่เด็กมาถึงปัจจุบัน
และจับคู่กับโอโรจิมารุ
โดยเขาเป็นหนึ่งในคนที่วางแผนสังหารโอโรจิมารุภายหลังจากการถอนตัวออกจากองค์กรของโอโรจิมารุด้วย
ภายหลังซาโซริจับคู่กับ เดอิดาระและค่อนข้างเข้าคู่ทำงานร่วมกันได้ดีกว่าแต่ก่อนเช่นการที่เดอิดาระค่อนข้างมีความนับถือในความสามารถของซาโซริ
แม้ว่าทั้งสองคนจะมีมุมมองของศิลปะที่แตกต่างกัน
(เดอิดาระชื่นชมงานปั้นที่ถูกทำลายด้วยระเบิดในทันที
แต่ซาโซริชื่นชมงานสร้างหุ่นกระบอกที่คงอยู่ยาวนาน) เดอิดาระยอมรับซาโซริในฐานะอาจารย์ของเขาจนถึงวาระสุดท้าย
แม้ว่าซาโซริจะไม่เคยชื่นชมความคิดของเขา
ซาโซริเชี่ยวชาญในการสร้างหุ่นเชิดที่ทำมาจากศพ
โดยการเอาเครื่องในออกและใช้วิธีถนอมรักษา(สตาฟ)มันไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย
ปกติซาโซริจะอยู่กับหุ่นเชิดฮิรูโกะ (ヒルコ Hiruko) ซึ่งเป็นหุ่นเชิดที่เขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างในเหมือนกับชุดสวมในการแสดงละคร
โดยหุ่นที่เขาชอบใช้ในการต่อสู้มากที่สุดและถือเป็นไพ่ตายอย่างหนึ่งก็คือหุ่นของคาเสะคาเงะรุ่นที่
3 อดีตผู้นำแห่งซึนะงะคุเระที่ถูกลักพาตัวและสังหารก่อนที่ซาโซริจะออกมาจากหมู่บ้าน
เนื่องจากซาโซริรู้จักกับรุ่นที่ 3 เมื่อครั้งยังมีชีวิตทำให้ซาโซริสามารถใช้ความสามารถเลียนแบบได้เหมือนจริงและสมบูรณ์มาก
กระนั้นหุ่นมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือร่างกายของเขาเองเนื่องมาจากเขาได้ดัดแปลงร่างกายของเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดเช่นกัน
เหตุนี้ทำให้เขาคงความหนุ่มที่ผิดธรรมชาติไว้ได้
และร่างกายหุ่นเชิดของซาโซริยังมีความสามารถที่จะควบคุมหุ่นเชิดได้ถึงร้อยตัวพร้อมกัน
ซาโซริก็สร้างกล่องสำหรับเก็บหัวใจและผนึกไว้ที่หน้าอกของหุ่นเชิดที่ใช้เป็นร่างกายของตัวเอง
โดยหากเกิดการโจมตีที่ไม่ส่งผลให้กล่องหัวใจนี้ได้รับความเสียหาย
ซาโซริก็จะยังคงรอดชีวิตไม่มีวันตายและย้ายมันไปยังร่างหุ่นเชิดอื่นๆได้เสมอทำให้เขาไม่มีวันตายเช่นกัน
นอกจากนี้อาวุธที่หุ่นเชิดใช้(รวมทั้งอาวุธที่ซ่อนอยู่ในกลไกต่างๆของหุ่น)
ยังเป็นอาวุธที่มีพิษและเป็นพิษที่ซาโซริเป็นคนผสมเองโดยมีพิษที่ร้ายแรงขนาดทำให้ร่างกายของเป้าหมายอัมพาตและจะตายลงหลังจากนั้นภายใน
3 วัน
ซาโซริพ่ายแพ้และเสียชีวิตหลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานกับย่าโจที่ร่วมมือกับซากุระ
ในระหว่างการปะทะกับนินจาของโคโนฮะที่ออกติดตามชิงตัว กาอาระ
ที่ถูกลักพาตัวไปกลับคืนมา
โดยร่างของซาโซริถูกคันคุโร่เอามาใช้เป็นหุ่นเชิดตัวใหม่
อิทาจิ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้กับซาซึเกะ
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : โฮชิงากิ
คิซาเมะ, บิวะ จูโซ
อุจิวะ อิทาจิ (うちは イタチ
Uchiha Itachi) เป็นนินจาที่ถอนตัวจาก โคโนฮะคะกุเระ และมีคู่หูคือ
โฮชิกาคิ คิซาเมะ โดยระหว่างที่เขายังอยู่ที่โคโนฮะ
เขาเป็นนินจาที่มีพรสววรค์และพัฒนาจนกลายเป็นนินจาที่เก่งกาจอย่างรวดเร็ว
และทำให้กลายเป็นคนที่เด่นและได้รับความสนใจจากคนในตระกูลเป็นอย่างมาก
สัตว์อัญเชิญของอิทาจิคืออีกา
อิทาจิ เดิมเป็นนินจาในหน่วยลับของ
โคโนฮะงาคุเระ และมีความเป็นอัจฉริยะสูงมากได้เข้าหน่วยตั้งแต่อายุยังน้อย
อิทาจิเกิดปัญหาขัดแย้งกับคนในตระกูลโดยเดิมที เขาถูกสงสัยว่าเป็นผู้สังหาร อุจิวะ
ชิซุย เพื่อนสนิทและเป็นญาติในตระกูลอุจิวะด้วยกัน
เพื่อเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา และต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรผู้ฆ่าล้างตระกูล
ทำให้ต้องถอนตัวออกจากหมู่บ้านไปเป็นนินจาถอนตัว และเข้าร่วมกับองค์กร
แสงอุษาในที่สุด โดยมีเพียง ซาสึเกะ
น้องชายแท้ๆเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ในครั้งนั้น
แม้ว่าสถานะของเขาจะเป็นอาชญากรที่ต้องการตัวและฆาตกร
อิทาจิก็ไม่ได้แสดงออกถึงความชื่นชอบในความรุนแรงหรือการต่อสู้
อิทาจิมักจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ และเลือกต่อสู้เท่าที่จำเป็นทำนั้น
โดยหากหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วเขาก็จะจบมันอย่างรวดเร็วที่สุด
อิทาจิมักจะคงลักษณะสงบนิ่งไม่แสดงออกแม้ในยามที่ต่อสู้ เขามักจะอยู่ในลักษณะตั้งรับและคอยสวนกลับการโจมตีเสมอ
อิทาจิสามารถจับการเคลื่อนไหวของศัตรูด้วยเนตรวงแหวน
โดยใช้มันเพื่อประเมินท่าทางของคู่ต่อสู้และโต้ตอบอย่างรวดเร็วด้วยเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาซึ่งเป็นวิชาเนตรพิเศษของเขา
และด้วยเนตรพิเศษนี้ยังทำให้อิทาจิสามารถใช้วิชาเนตรพิเศษอื่นๆ เช่น อ่านจันทรา (Tsukuyomi 月読)
วิชาคาถาลวงตาที่สร้างเหตุการณ์จำแลงแต่สามารถสร้างความเสียหายทางร่างกายและจิตใจของศัตรูได้,
เทวีสุริยา (Amaterasu 天照) วิชาทรงพลังที่เรียกเปลวเพลิงสีดำที่ร้อนกว่าดวงอาทิตย์
10 เท่าและสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่งตามทิศทางที่ดวงตามองเห็น
และจะเผาผลาญไม่หยุดจนกว่าเป้าหมายจะดับสิ้น และ เทพวายุ (Susanoo 須佐能乎)
วิชาลับขั้นสูงของเนตรพิเศษที่จะอัญเชิญดาบและโล่ของเทพเจ้ามาใช้ในการต่อสู้ด้วย
อิทาจิมีความชานาญในพื้นฐานวิชาลวงตาเป็นอย่างดี
และยังสามารถหลอกคู่ต่อสู้ด้วยการสบตาเท่านั้น นอกจากนี้เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมาก
โดยเฉพาะการทำสัญลักษณ์มือเพื่อสร้าง"อิน"
และใช้วิชานินจาได้โดยศัตรูไม่ทันระวังตัว
ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วหลังจากการต่อสู้กับซาสึเกะ
และได้ถ่ายทอดวิชาเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผาให้กับซาสึเกะไว้ โดยวิชาเนตรนี้จะทำงานอัตโนมัติกลายเป็นเทวีสุริยาทุกครั้งเมื่อสบตากับเนตรวงแหวนของโทบิ
เพื่อป้องกันมาดาระไม่ให้เข้าใกล้ซาสึเกะ
หลังจากการเสียชีวิตของอิทาจิ
ซาสึเกะได้ฟังการเล่าเรื่องของโทบิเกี่ยวกับอิทาจิว่า
แท้จริงการสังหารหมู่ครั้งนั้นเกิดจากการที่อิทาจิต้องการปกป้องหมู่บ้านโคโนฮะ
เพราะตระกูลอุจิวะคิดจะก่อสงครามเพื่อปฏิวัติรัฐประหารยึดครองอำนาจในหมู่บ้าน
อิทาจิต่อสู้โดยได้รับความช่วยเหลือจากโทบิเพื่อหยุดยั้งคนในตระกูล
และปกปิดเรื่องทั้งหมดเป็นความลับพร้อมถอนตัวออกจากหมู่บ้านและทำสัญญากับโฮคาเงะรุ่นที่3 ให้ช่วยดูแลซาสึเกะ
ซึ่งเรื่องทั้งหมดมีเหตุมาจากความบาดหมางของผู้นำตระกูลอุจิวะ อุจิวะ มาดาระ และ
ผู้นำตระกูลเซนจู เซนจู ฮาชิรามะ หรือ โฮคาเงะรุ่นที่1 โทบิเล่าว่าฮาชิรามะต้องการทำลายตระกูลอุจิวะ
โทบิเล่าให้ซาสึเกะฟังเพื่อโน้มน้าวซาสึเกะมาเป็นพวกและร่วมกันก่อสงครามกับโคโนฮะ
ส่วนสาเหตุของอุจิวะ ชิซุย
ชิซุยคิดไว้ว่าจะมีศึกชิงเนตรของเขาขึ้น เขาจึงลบตัวตนของตัวเอง
และทำเหมือนดวงตาของเขาถูกทำลาย
อิทาจิได้ช่วยชิซุยโดยการเป็นเป้าหมายที่น่าสงสัยของหมู่บ้าน
ครั้งสุดท้ายที่อิทาจิเจอชิซุย เนตรข้างขวาของชิซุยโดนดันโซชิงไปแล้ว เขามอบตาข้างซ้ายที่เหลืออยู่ให้อิทาจิ
บอกว่าให้ใช้ปกป้องหมู่บ้าน และหายตัวไป อิทาจิปลูกเนตรของชิซุยไว้ในอีกา
โดยปลูกถ่ายคาถาปกป้องหมู่บ้าน และเก็บไว้ในตัวนารูโตะ
โดยอิทาจิตั้งใจใช้กับซาสึเกะเมื่อซาสึเกะคิดจะทำลายหมู่บ้าน ถูกใช้ในมังงะตอนที่ 549 ตอนที่อิทาจิโดนคาถาสัมปเวสีคืนชีพของคาบูโตะควบคุมให้สู้กับนารูโตะและบี
ซึ่งอิทาจิโดนคาถาลวงตาเนตรของชิซุยทำให้คาถาสัมปเวสีคืนชีพของคาบูโตะถูกยกเลิกหลังจากที่ผนึกนางาโตะได้อิทาจิก็ทำลายอีกาที่มีเนตรของชิซุย
และแยกทางกับนารูโตะและบี เพื่อไปหาคาบูโตะเพื่อที่จะสั่งให้หยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพโดยซาสึเกะตามเพื่ออยากรู้ความจริงแต่ต้องร่วมมือกันเพื่อสู้กับคาบูโตะ
อิทาจิใช้อิซานามิกับคาบูโตะหยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพ
และได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่ทำไปนั้น แล้วก็หายจากไป
ตามทุกคนที่โดนคาถาสัมปเวสีคืนชีพ ยกเว้น อุจิวะ มาดาระ
คิซาเมะ
สาเหตุ : ฆ่าตัวตาย
หลังจากถูกไก, ยามาโตะ, killer
B และ นารุโตะ สอบปากคำ
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : อุจิวะ
อิทาจิ
โฮชิงากิ คิซาเมะ (干柿 鬼鮫
Hoshigaki Kisame) มีลักษณะนิสัยชอบที่จะต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรงเสมอในขณะที่
อิทาจิคู่หูของเขากลับเลือกที่จะสู้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น คิซาเมะ
ทำงานกับอิทาจิได้เข้าขากันเป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่หูทีมอื่นๆในแสงอุษา
เขามีความเคารพและยินดีทำสิ่งที่อิทาจิบอกให้ทำทันทีและมักจะเป็นห่วงในสุขภาพของอิทาจิเสมอ
คิซาเมะเป็นนินจาถอนตัวจาก คิริงาคุเระ ซึ่งควานหาตัวเขาอย่างหนักเพราะว่า
คิซาเมะเคยวางแผนที่จะล้มล้างอำนาจของรัฐบาลและมีส่วนในเหตุการณ์สังหารหมู่ของแคว้น
เดิมที คิซาเมะ ทำงานให้คิริงากุเระ ในฐานะสมาชิกกลุ่ม เจ็ดนักดาบแห่งสายหมอก
ซึ่งเป็นกลุ่มแห่งนินจาที่ใช้อาวุธขนาดยักษ์ในการต่อสู้ อาวุธของคิซาเมะมีชื่อว่า
ซาเมะฮาดะ (鮫肌, "หนังฉลาม")
เป็นดาบที่ปกคลุมด้วยเกล็ดที่ใช้โกนผิวหนังแทนที่การตัดและมันสามารถดูดจักระได้
โดยดาบซาเมะฮาดะจะยอมรับให้คิซาเมะถือเท่านั้น ถ้ามีคนอื่นๆ พยายามที่จะถือมัน
หนามแหลมจะแทงออกมาจากด้ามจับและมันจะกลับไปหาคิซาเมะทันที
นิสัยของเขาซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนิสัยของพวกเจ็ดนักดาบแห่งสายหมอกคือชื่นชอบการตัดส่วนต่างๆ
ของคู่ต่อสู้ เช่นกรณี ที่คิซาเมะบอกว่าการตัดขาของอุซึมากิ
นารุโตะจะทำให้เขาแบกได้ง่ายขึ้น
คิซาเมะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายฉลาม
มีผิวสีน้ำเงินทั้งตัว ตาสีขาวคู่เล็ก ใบหน้ามีครีบอยู่ด้วย และฟันรูปสามเหลี่ยม
แม้แต่ชื่อของเขา คิซาเมะ แปลว่า ฉลามปีศาจ
รูปร่างที่คล้ายฉลามของเขายังสัมพันธ์ต่อความสามารถที่เขาใช้ในการต่อสู้ด้วย เช่น
เขาจะก่อให้น้ำกลายเป็นร่างฉลามเพื่อทำการโจมตีคู่ต่อสู้
ถ้าหากไม่มีน้ำในที่ที่เขาต่อสู้ คิซาเมะสามารถใช้ คาถาน้ำ คลื่นน้ำระเบิดจู่โจม (水遁・爆水衝波
Suiton: Bakusui Shōha) เพื่อสร้างทะเลสาบเพื่อใช้ในการโจมตี
คิซาเมะยังมีจักระจำนวนมหาศาล และมีมากที่สุดในบรรดาสมาชิกของแสงอุษา
เขามักจะใช้พลังแค่ 30% ในการต่อสู้
ซึ่งก็เทียบเท่ากับพลังสถิตของจิ้งจอกเก้าหางของนารุโตะในตอนที่ใช้ระหว่างสอบจูนิน
คิซาเมะ นั้นมีร่างปีศาจเมื่อรวมร่างกับดาบหนังฉลามซึ่งเทียบเท่าพลังสถิตร่าง
มีร่างเป็นปีศาจฉลามและได้รับฉายาว่า “สัตว์หางที่ไม่มีหาง”
ครั้งแรกที่คิซาเมะถูกไรคาเงะและ Killer B ตัดหัว
ทำให้ทุกคนนึกว่าคิซาเมะนั้นได้ตายไปแล้ว แต่ที่จริงนั่นคือร่างของ เซ็ตสึสีขาว
ที่โคลนนิ่งร่างมากจากคิซาเมะ ตอนที่สู้อยู่กับ Killer B ทำให้ทุกคนนึกว่าคิซาเมะนั้นได้ตายไปแล้ว
แต่แท้จริงนั้นยังไม่ตาย
คิซาเมะนั้นตายจริงๆหลังจากแฝงร่างเข้าไปกับดาบหนังฉลามซึ่ง killer B ได้เก็บไปตอนที่นึกว่าคิซาเมะได้ตายไป
หลังจากนั้นได้ออกมาตอนที่นารุโตะไปเก็บตัว และถูกไกเล่นงาน จับมาสอบสวน
จากนั้นจึงใช้พละกำลังสุดท้ายใช้คาถาคุกน้ำแล้วสร้างปลาฉลามมากัดกินตัวเอง
เซ็ตซึ
คู่หู : ตนเอง (เพราะมีตัวเองอยู่แล้ว
2 คนในร่างเดียว)
สถานะ : สมาชิกแสงอุษา
เซ็ตซึ (ゼツ
Zetsu) เป็นสมาชิกแสงอุษาที่อ่อนแอที่สุด
ทำหน้าที่เป็นสายลับของแสงอุษา
ความสามารถของเขาช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ของเขาทำได้ง่ายเพราะว่าเขาสามารถแทรกตัวเข้าไปในสิ่งต่างๆและเดินทางไปที่ใดก็ได้ทันที
เขายังสามารถย้ายร่างกายของเขาและเข้าแทรกแซงระหว่างที่กำลังทำพิธีกรรมลับของแสงอุษาซึ่งต้องการความปลอดภัยสูงไปด้วยได้
ทำให้เขาสามารถเฝ้าระวังแขกไม่ได้รับเชิญในขณะที่กำลังประกอบพิธี
และเนื่องจากหน้าที่ที่เขาต้องทำ เซ็ตซึจึงเป็นสมาชิกแสงอุษาคนเดียวที่ไม่มีคู่หู
ถึงอย่างนั้น เซ็ตซึก็ยังมีความสำคัญต่อสมาชิกคนอื่นๆ ในการรายงานความเคลื่อนไหว
ซึ่งสมาชิกแต่ละคนจะส่งข่าวให้กับเซ็ตสึมากกว่าส่งให้เพนโดยตรง
หัวของเซ็ตซึถูกปกปิดด้วยกาบหอยแครงขนาดใหญ่
ที่ยังคงปกปิดร่างกายส่วนใหญ่ของเขาด้วย เซ็ตซึเป็นพวกกินเนื้อสดๆ
คอยกินร่างที่พวกแสงอุษาไม่ต้องการให้ถูกพบเพื่อเก็บรักษาความลับ
ทำให้เขามีหน้าที่เป็นนินจานักล่าด้วย
เขายังทำหน้าที่เก็บแหวนของสมาชิกแสงอุษาที่ตายไปแล้ว
โดยเซ็ตสึมีลักษณะเหมือนคนสองบุคลิกในร่างเดียว
ซึ่งจะแบ่งร่างกายฝั่งขวาของเซ็ตซึเป็นสีดำในขณะที่ฝั่งซ้ายเป็นสีขาว
จากเนื้อเรื่องจะพบว่าครึ่งสีดำของใบหน้าจะมีเสียงทุ้ม
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจะมีเสียงแหลมกว่า และทั้งสองฝั่งมักจะพูดคุยกันเอง (ทางความคิด)
และบ่อยครั้งที่มีความเห็นต่างกัน ในมังงะตอนที่ 553 เซ็ตซึสีขาวตายแล้ว
เพราะถูกอุจิวะ ซาสึเกะใช้พลังของเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์
เซ็ตสึสีดำยังคงมีชีวิตอยู่ในสงครามที่โอบิโตะกำลังชุบชีวิตให้กับนินจาในสงคราม
เซ็ตสึสีดำได้ควบคุมโอบิโตะเพื่อชุบชีวิตมาดาระ เซ็ตสึสีดำชิง 9 หางอีกครึ่งหนึ่งมาจากนารูโตะสำเร็จ
แล้วถูกโอบิโตะชิงการควบคุมจนมอบสัตว์หางทั้งหมดในตัวโอบิโตะให้นารูโตะ
แล้วหลังจากที่มาดาระได้เนตรสังสาระครับ 2 ข้าง เซ็ตสึสีดำก็คุมร่างโอบิโตะพามาดาระกับตนที่ยึดร่างโอบิโตะออกมาจากอีกมิติของโอบิโตะ
หลังจากมาดาระได้ใช้อ่านจันทรานิรันดร์สำเร็จแล้ว เซ็ตสึสีดำก็ทำร้ายมาดาระ
แล้วยัดจักระของทุกคนที่โดนอ่านจันทรานิรันดร์ทั้งหมด
แล้วก็จักระของผืนแผ่นดินจนร่างกายมาดาระรับไม่ไหวจน
แล้วเซ็ตสึสีดำก็ออกจากร่างของโอบิโตะแล้วไปรวมตัวกับมาดาระ เพื่อคืนชีพให้คางุยะ
สำเร็จจนมาดาระเสียชีวิต
แท้จริงแล้วเซ็ตซึสีขาวเกิดจากการที่มาดาระอัญเชิญเทวรูปมารนอกรีด
และฝังเซลล์ของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 จึงกำเนิด โคลนของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 ขึ้นมาคุณภาพต่ำ เซ็ตซึโดยมีร่างกายแค่ซีกซ้าย เป็นตัวออริจินัล
โดยออริจินัลมีอยู่ 2 ตัว คือ เซ็ตซึซีกซ้าย กับกุรุกุรุ
ส่วนเซ็ตซึสีขาวตัวอื่นๆ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากโลกภายนอก
แต่เซ็ตซึสีขาวซีกซ้ายได้รับจักระจากมาดาระจนสร้างเซ็ตซึสีดำซีกขวาขึ้นมา
เซ็ตสึที่มาดาระสร้างขึ้นมามี 2 ชนิด
โดยตั้งชื่อว่าแต่ละชนิดไปคือ ตัวสีขาวชื่อว่าโจเซ็ตซึ แปลว่า พูดมาก
ตัวสีดำชื่อว่าโดคุเซ็ตซึ แปลว่า คำสาป
หลังจากที่เซ็ตซึสีดำคืนชีพให้คางูยะ
ก็เล่าความจริงให้นารุโตะกับซาสึเกะฟังว่า แท้จริงแล้ว
ตนเกิดมาเป็นส่วนความชั่วร้ายของคางูยะ(เปรียบเสมือนลูกชายคนที่ 3 ของคางูยะ)ที่สานเจตจำนงของคางูยะโดยมีร่างกายเป็นกลุ่มก้อนจักระ
ซึ่งคางูยะนั้นถูกลูกชายทั้ง 2 คนเป็นผู้ผนึก
โดยก่อนที่คางูยะจะถูกผนึกได้สร้างเซ็ตซึสีดำขึ้นมา
เพื่อให้ในอนาคตคืนชีพให้คางุยะ ทั้งบอกว่า 10 หางไม่ใช่แค่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
แต่คางูยะเป็นส่วนหนึ่งของมันด้วย
ซึ่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ช่วงชิงผลไม้จักระคืนแต่เป็นการที่คางุยะต้องการจักระคืนมาจากลูกชาย
2 คนของตน
และบอกว่าเซียนหกวิถีก็ไม่รู้เรื่องการเตรียมการของเซ็ตซึสีดำ
ตอนที่อินดราแพ้สงครามผู้สืบทอดทายาทเซียนหกวิถี เซ็ตซึสีดำเป็นคนยุงยงอินดราสร้างเรื่องราวสงครามระหว่างอาชูร่าและอินดรา
โดยเซ็ตซึสีดำตัดสินใจว่าลูกหลานของอินดราหรือก็คือตระกูลอุจิวะเป็นคนทำการสร้างสงคราม
โดยเซ็ตซึสีดำเป็นคนแก้ข้อความในศิลาหินจารึกของตระกูลอุจิวะ
โดยเขียนว่าอ่านจันทรานิรันดร์คือสิ่งจำเป็น เซ็ตซึสีดำรอคอยการกลับมาเกิดใหม่ของอาชูร่าและอินดราในตระกูลของอุจิวะและเซนจูมาหลายรุ่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเพื่อปลุเนตรสังสาระขึ้นมาแต่ก็ล้มเหลว
พอมาถึงสมัยที่มาดาระกับฮาชิรามะ ก็มั่นใจว่ามาดาระต้องทำได้แน่นอน
ซึ่งมาดาระก็แพ้ฮาชิรามะโดยเซ็ตซึสีดำแอบดูในเหตุการณ์ ซึ่งในช่วงนั้นโทบิรามะก็ศึกษาเรื่องเนตรวงแหวนได้ซ่อนศพไว้ในป่าลึก
แล้วเซ็ตซึสีดำเป็นเอาศพมาดาระไปแล้วไปรวมตัวในร่างมาดาระซึ่งมาดาระได้ใส่อิซานางิไว้ในตาขวาของตนก่อนตาย
แล้วมาดาระใช้ร่างแยกเงาแทนร่างตัวเองด้วย
แล้วมาดาระเอาเนื้อของฮาชิรามะมาฝังไว้ในตนเอง จากนั้นมาดาระก็เบิกเนตรสังสาระอัญเชิญเทวรูปมารนอกรีตสร้างเซ็ตซึสีขาวขึ้นมา
ซึ่งเซ็ตซึสีขาวคือเหล่าคนที่ถูกอ่านจันทรานิรันดร์โดยเซ็ตซึสีดำดึงออกมาจากเทวรูปมารนอกรีต
แล้วแกล้งหลอกให้มาดาระคิดว่าแผนทั้งหมดเป็นแผนของมาดาระ
โดยเซ็ตซึสีดำจงใจให้คาบูโตะพบศพมาดาระจนแผนการทั้งหมดก็สำเร็จ
หลังจากที่เซ็ตซึสีดำเล่าทั้งหมดก็ร่วมมือกับคางูยะส่งให้นารูโตะกับซาสึเกะแยกกันไปคนะมิติ
แต่ว่าก็ถูกโอบิโตะกับซากุระพาซาสึเกะกลับมาโดยจงใจฆ่าทั้งคู่แต่คาคาชิกับโอบิโตะมารับแทนโดยโอบิโตะช่วยคาคาชิไว้
จากนันเซ็ตซึสีดำก็โดยแยกจากคางุยะแล้วถูกนารุโตะผนึกทำให้ขยับไม่ได้
โทบิ
ปัจจุบัน : เสียชีวิตเนื่องจากรับการโจมตีของคางูยะเพื่อช่วยปกป้องพวกนารูโตะและคาคาชิ
ชื่อจริง:อุจิวะ โอบิโตะ
คู่หูในอดีต : กุรุกุรุ,
เซ็ตซึ, เดอิดาระ(เสียชีวิต), อุจิวะ มาดาระ(สัมผเวสีคืนชีพ)
สถานะ : สมาชิกแสงอุษา
หลังจากที่นางาโตะตายได้เป็นหัวหัวหน้าแสงอุษาคนต่อไป
โทบิ (トビ Tobi) ตัวจริงของโทบิ นั้นคือ อุจิวะ โอบิโตะ ในสมัยเด็กโอบิโตะนิสัยเหมือยนารูโตะ แต่ต่างตรงที่โอบิโตะนั้นยังช่วยคนแก่ตลอดไปมาจนรู้จักคนแก่ในหมู่บ้านหมดทุกคน โดยอยู่ในทีมมินาโตะ พร้อมกับคาคาชิและริน โดยเพื่อนร่วมรุ่นกับสนิทกัน เวลานัดรวมตัวจะมาสาย กับแท้จริงในสงครามครั้งที่ 3 โอบิโตะที่คิดแผนช่วยริน แล้วคาคาชิถูกเตือนสติตามมาทีหลัง โอบิโตะเบิกเนตรวงแหวนได้ แต่ก็ถูกหินทับร่างข้างขวา กับให้รินปลูกถ่ายเนตรวงแหวนตนให้คาคาชิไป จากนั้นร่างก็ถูกหินทับจนทุกคนคิดว่าเสียชีวิต แต่โอบิโตะได้ถูกช่วยไว้โดย อุจิวะ มาดาระ โดยที่สภาพโอบิโตะสาหัสกับร่างซีกขวาส่วนลำตัวนั้นไม่มี แล้วมาดาระได้ฝังร่างของเซ็ตซึสีขาว เพื่อรักษาโอบิโตะ มาดาระได้เล่าโอบิโตะว่ารอดจากการต่อสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่ 1 จากนั้นโอบิโตะพยายามควบคุมร่างซีกขวาให้งอกส่วนข้างขวากับฝึกฝน โดยคิดว่าเมื่อตนพร้อมจะกลับหมู่บ้านเพื่อบอกว่าตนยังมีชีวิตอยู่ หลังจากโอบิโตะรู้ข่าวจากเซ็ตซึสีขาวว่าคาคาชิกับรินตกอยู่ในอันตราย โอบิโตะก็คิดจะไปช่วยแต่ว่าร่างยังไม่พร้อม โทบิ(เซ็ตซึสีขาวที่หน้าม้วนเหมือนหน้ากากโทบิปัจจุบัน)ให้สวมร่างเพื่อใช้เป็นร่างในการไปช่วย กลับเกิดเหตุการณ์ที่คาคาชิฆ่าริน ทำให้เนตรวงแหวนที่ตาซ้ายคาคาชิเชื่อมกับเนตรวงแหวนที่ตาขวาของโอบิโตะก็ได้เบิกเนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา จนโอบิโตะคลั่งก็กำจัดนินจาของคิริงาคุเระ หลังจากรินตายก็สับสนจนตัดสินใจเลือกที่จะร่วมมือแผนเนตรจันทรา มาดาระได้เล่าเรื่องสิบหางกับสอนคาถาต้องห้ามของอุจิวะและคาถาเซียน กับบอกว่าแม้ว่าโอบิโตะยังเบิกเนตรสังสาระไม่ได้ แต่มีเซลล์ของเซนจูที่เป็นคาถาไม้จึงควบคุมเทวรูปได้ โอบิโตะก็ได้ตาซ้ายที่มาดาระ หลังจากที่มาดาระตาย โดยพยายามเข้าร่วมกับแสงอุษาแต่ไม่สำเร็จหลายครั้ง จนสุดท้ายก็สำเร็จ และโอบิโตะได้แอบรู้เรื่องโฮคาเงะรุ่นที่ 4 กำลังจะมีลูกจากการที่คาคาชิไปพูดที่สุสานของริน โดยวันที่นารูโตะเกิด โอบิโตะได้เข้าไปในฐานลับและลักพาตัวคุชินะ และเรียกคุรามะ(เก้าหาง)ออกมาจากตัวคุชินะพร้อมพาไปบุกหมู่บ้าน แตโดนขัดขวางโดยโฮคาเงะรุ่นที่ 4 แล้วหนีไป
แล้วอิทาจิก็พบเจอโอบิโตะที่ใส่หน้ากากเป็นกับเปลี่ยนชื่อเป็นโทบิบังเอิญที่ศาลเจ้าอุจิวะ
อิทาจิก็สงสัย แล้วติดต่อกันอย่างลับๆ
โดยตนจะร่วมมือกับอิทาจิเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดฆ่าล้างอุจิวะทั้งหมดยกเว้นซาสึเกะ
แต่ห้ามแตะต้องหมู่บ้าน จากนั้นไปหาคิซาเมะเพื่อหลอกใช้ให้ยอมร่วมมือจนสำเร็จ
จากนั้นก็พยายามหาทางเข้าร่วมแสงอุษาแต่ล้มเหลวตลอด
กับเข้าร่วมกับแสงอุษาหลังจากการตายของซาโซริ เขาเข้าแทนที่ในตำแหน่งคู่หูของเดอิดาระ
บุคลิกของโทบิต่างจากสมาชิกคนอื่นๆของแสงอุษา
ซึ่งมักจะจริงจังและอุทิศตัวเองกับภารกิจ
แต่โทบิมีนิสัยที่ตลกขบขันและดูไร้ความกังวล
ซึ่งนิสัยนี้สร้างความรำคาญให้กับเดอิดาระ
และเขามักจะจัดการโทบิด้วยท่าแก้เผ็ดที่ตลกขบขันในทุกครั้งที่โทบิสร้างความรำคาญให้เขาโดยไม่ตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม คิซาเมะกลับชื่นชอบบุคลิกของโทบิที่สร้างความครึกครื้นรื่นเริงให้กับ
“องค์กรที่มืดมน” ได้ร่วมภารกิจกับเดอิดาระในการล่า 3
หางจนสำเร็จ
หลังจากเหตุการณ์การปะทะกับซาสึเกะของเดอิดาระและโทบิ
จนเดอิดาระเสียชีวิต เขาได้ย้อนกลับไปออกคำสั่งกับ เพน
ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแสงอุษา และเขาได้บอกว่าตนคือ อุจิวะ มาดาระ
ในระหว่างการสนทนา
จุดประสงค์ที่ก่อตั้งแสงอุษาขึ้นเพื่อซ่อนความเคลื่อนไหวและจุดประสงค์ไว้เบื้องหลังองค์กร
บุคลิกและการพูดของมาดาระนั้นต่างกับโทบิอย่างสิ้นเชิง
โดยมักจะใช้คำที่สุภาพน้อยกว่าและคำพูดแสดงถึงความเย่อหยิ่งของตัวร้าย
ตามเนื้อเรื่องนั้นเขายังคงปกปิดตัวจริงและอยู่ในฐานะของโทบิต่อไป
ในการปะทะกับกลุ่มของนินจาโคโนฮะในภารกิจพาตัวซาสึเกะกลับมานั้น
โทบิได้พยายามถ่วงเวลาให้ซาสึเะสู้กับอิทาจิ พอเซ็ตซึรายงานผลว่าอิทาจิเสียชีวิต
ก็ไปพาตัวซาสึเกะมารักษา ส่วนร่างอิทาจิให้เซ็ตซึจัดการทำลายทิ้ง
ส่วนเนตรอิทาจิเก็บไว้เพื่อเตรียมปลูกถ่ายให้อิทาจิในภายหลัง
กับแฉเรื่องอิทาจิให้ซาสึเกะฟังว่าสิ่งที่อิทาจิทำเพื่อหมู่บ้านแต่สิ่งที่ผิดพลาดเพียงอย่างเดียวคือซาสึเกะ
เพราะชีวิตของซาสึเกะสำคัญกว่าหมู่บ้าน
พออิทาจิเปลี่ยนชื่อทีมงูเป็นเหยี่ยว
ก็ไปหาคิซาเมะกับถอดหน้ากากเผยตัวจนคิซาเมะยอมร่วมมือกับเข้าใจถึงทุกสิ่ง
จากนั้นมอบภรกิจให้ซาสึเกะกับทีมเหยี่ยวคือไปล่า 8 หาง
เพื่อทดสอบซาสึเกะกับฝึกฝนไปในตัว พอซาสึเกะล่ามาได้ก็ให้ไปพัก ส่วนตนกับคิซาเมะและเซ็ตซึกับแยก
8 หางแต่ผลออกมาคือ นั่นคือหางของ 8 หาง
ส่วนตัวจริงหนีไปได้ จึงยอมไปก่อน พอเพนทำภารกิจล้มเหลว
โทบิเป็นหัวหน้าสั่งการแสงอุษาอย่างเต็มตัวกับมอบภารกิจล่า 8 หางให้คิซาเมะ กับให้เซ็ตซึสีขาวตัวหนึ่งไปร่วมทำภารกิจ
ส่วนตนกับเซ็ตซึไปหาทีมเหยี่ยมที่พักฟื้นเสร็จบอกถึงภารกิจล่า 8 หางล้มเหลวกับมอบภารกิจให้ไปถล่มการประชุม 5 คาเงะ
เพื่อทดสอบซาสึเกะ
พอซาสึเกะเจ็บหนักก็พาคารินไปรักษาซาสึเกะกับดูดเข้าไปในมิติของตนเพื่อให้เวลารักษา
ส่วนตนก็ปประชุมกับ 4 คาเงะเพื่อบอกถึงเป้าหมายคือ 10
หาง กบบอกให้ส่ง 8 กับ 9 หางมาไม่งั้นจะเกิดสงคราม พอถูกปฏิเสธจึงประกาศสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4
กับไปหาดันโซสู้กับลูกน้องคนสนิทจนพลาดท่าต้องกำจัดแขนซ้ายทิ้งแต่ก็จับตัวลูกน้อง
2 คน ของดันโซมาได้
กับให้ซาสึเกะสู้กับดันโซจนผลออกมาดันโซแพ้กับเสียชีวิต ส่วนโทบิไปรักษาตัวเองปลูกถ่ายแขนใหม่
พอหายดีก็กลับมาพบว่าซาสึเกะคิดจะสู้กับทีม 7 จึงพาซาสึเกะกลับ
แล้วซาสึเกะมอบให้เตรียมปลูกถ่ายเนตรอิทาจิ
ซึ่งต้องเห็นว่าซาสึเกะไม่ไหวแล้วจึงยอมทำ พอำเสร็จก็บอกให้ซาสึเกะพักฟื้นก่อน
ส่วนตนพอออกมานอกฐานก็เห็นคาบูโตะใช้สัมภเวสีคืนชีพเรียกแสงอุษา 5 คนมาเพื่อขอเป็นพันธมิตรในสงคราม
โดยคาบูโตะ็ขู่ด้วยการคืนชีพมาดาระตัวจริงเพื่อเป็นหลักประกันจนตนยอม
แล้วโทบิไปหาโคนันกับสู้กันจนโทบิต้องใช้อิซานางิตาซ้ายเพื่อรอดจากระเบิด
แล้วฆ่าโคนัน กับไปเอาศพนางาโตะมา กับเปลี่ยนเนตรซ้ายเป็นเนตรสังสาระ
กับเปลี่ยนหน้ากากกับชุด
กับได้ข้อมูลจกฉลามที่เป็นสัตว์อัญเชิญของคิซาเมะก็เข้าใจถึงรูปแบบแผนการของสงคราม
กับตอนสงครามก็ทำการให้คาบูโตะสัมภเวสีคืนชีพมาเท่าที่หาได้
โดยโทบิเอาอดีตพลังสถิตร่างรุ่นปัจจุบัน 6 ร่างมากับฝังแท้งเหล็กเพื่อกับที่เพนใช้ควบคุมศพ
กับเตรียมตัวพอเห็นนว้่ถึงเวลาก็ไปขโมยหม้อน้ำเต้ากับไหผนึกของเซียน 6วิถีจากในสงครามกับอัญเชิญเทวรูปมารนอกรีตมากับเอาไปเก็บ
จากนั้นก็เดินทางกับนำศพ 6 ร่างเดินทางไปส้กับนารูโตะและบี
ด้วยใบหน้าที่แท้จริงของโทบิยังคงเป็นปริศนา
ยกเว้นแต่ผมสีดำที่ชี้ขึ้นเท่านั้น เขาสวมหน้ากากที่ปกปิดใบหน้ายกเว้นตาขวาของเขาที่มีเนตรวงแหวน
เขายังมีกลอนหรือเข็มที่แขนเสื้อของชุด ตอนนี้ถูกทับด้วยเสื้อคลุมของแสงอุษา
นอกจากนี้โทบิยังเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สวมกระบังหน้าเหมือนนินจาคนอื่น
วิชานินจาที่เผยออกมาแล้วคือ วิชานินจาย้ายมิติ ที่สามารถย้ายตนเองหรือผู้อื่นไปอยู่ในมิติที่คล้ายห้องเต็มไปด้วยกล่อง
และสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามต้องการ
วิชานี้ยังสามารถปล่อยให้การโจมตีทะลุผ่านตัวเขาและทนต่อการโจมตีทางกายภาพ
โดยมีเวลาแค่ 5
นาที
ในสงครามนินจาครั้งที่ 4 โอบิโตะได้สู้กับนารูโตะและบี
แล้วคาคาชิกับไกตามมาสมทบ ในตอนที่อิทาจิได้หยุดคาถาสัมผเวสีคืนชีพโอบิโตะได้ให้เทวรูปมารนอกรีตกินหม้อกับไหที่ผนึกกินคาคุและคินคาคุที่มีจักระเก้าหาง
และหนวดปลาหมึกของแปดหาง เพื่อเปลี่ยนให้เทวรูปมารนอกรีตเป็นสิบหาง
และก็สู้ต่อกับพวกนารูโตะ แล้วก็โดนการโจมตีจนหน้ากากแตกจนเผยตัวจริงว่าคืออุจิวะ
โอบิโตะ แล้วอุจิวะ มาดาระก็ตามมาสมทบอยู่ข้างโอบิโตะ และสิบหางคืนชีพขึ้นมา
สู้กับพันธมิตรนินจาที่มาสมทบให้พวกนารูโตะ ในช่วงที่คาคาชิใช้คามุยตัดหัวของ 10
หาง โอบิโตะได้ใช้คามุยดูดตนกับคาคาชิไปในมิติที่ตนสร้างขึ้น
และสู้กันโดยโอบิโตะได้บอกว่าตนรู้ความจริงของรินก่อนตาย
ก็คือรินถูกพวกคิริงาคุเระจับไปเป็นพลังสถิตร่างของ 3 หาง
พร้อมกับเรื่องที่คาคาชิไปช่วยออกมาแต่ทั้งหมดถูกจัดฉากคือพวกคิริงาคุเระแกล้งทำเป็นไล่ล่าเพื่อให้คาคาชิพารินกลับโคโนฮะและทำให้
3 หางในตัวรินอาละวาด
แต่รินบอกให้คาคาชิบอกฆ่าตนเพื่อให้แผนของคิริงาคุเระล้มเหลว
ในตอนที่ถูกคิริงาคุเระล้อมคาคาชิพยายามจัดการกับพวกคิริงาคุเระ
แต่รินรับการโจมตีแทน และหลังจากนั้นคาคาชิได้สู้ชนะโอบิโตะ
แต่โอบิโตะหนีออกมาจากมิติของตน และถูกมาดาระควบคุมให้ใช้คาถาชุบชีวิตมาดาระขึ้นมา
เพื่อให้มาดาระมีชีวิตเป็นพลังสถิตร่าง ถูกมินาโตะขัดขวาง
แต่ว่าโอบิโตะขัดขืนมาดาระจนใช้คาถาที่ทำให้ตนเป็นพลังสถิตร่างของสิบหางแทน
จนมีพลังเพิ่มขึ้นสามารถจัดการกับพวกโฮคาเงะอย่างง่ายดาย ทำให้โฮคาเงะรุ่นที่ 4
แขนขาดไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายจนตายไป
เพราะได้ความสามารถใหม่ที่ได้เป็นพลังสถิตร่างของสิบหาง คือ วิชาที่ทำให้วิชานินจาทั้งหมดไปสู่ความว่างเปล่า
ต่อให้ร่างกายที่เป็นสัมภเวสีคืนชีพได้รับบาดแผลก็จะไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้
และจะตายลงไป แต่ว่าวิชานี้มีจุดอ่อนคือไม่สามารถสลายวิชานินจาเซียนได้
และนารูโตะได้ใช้พลังสัตว์หางผสมกับวิชาเซียน ร่วมมือกับนินจาในสงครามจนสู้ชนะโอบิโตะและดึงสัตว์หางทั้ง
7 ออกมาจากตัวโอบิโตะได้
และคุยกับนารูโตะถึงเรื่องที่ตนไม่ยอมรับว่าตนเป็นใคร
แต่ว่าโอบิโตะไม่ตายเพราะในร่างยังมีเทวรูปมารนอกรีตที่ทำให้ร่างเป็นอมตะ
ได้คุยกับคาคาชิและมินาโตะถึงเรื่องนารูโตะจนทำให้โอบิโตะตัดสินใจที่จะใช้วิชาชุบชีวิตให้กับนินจาที่ตายในสงครามเพื่อแลกกับชีวิตของตน
แต่ว่าก็ถูกเซ็ตสึสีดำที่สังเกตการณ์มาตลอดเข้าควบคุมร่างโอบิโตะให้ชุบชีวิตให้มาดาระ
จนโอบิโตะปางตาย
และถูกควบคุมโดยเซ็ตสึดำโดยเซ็ตสึสีดำพยายามเอาเนตรสังสาระข้างซ้ายจากโอบิโตะ
แต่โอบิโตะพยายามขัดขืนโดยคิดจะให้คาคาชิทำลายแล้วกาอาระได้พาซากุระที่พยื้อชีวิตนารุโตะที่ถูกดึงคุรามะออกจากร่าง
โฮคาเงะรุ่นที่ 4 คิดส่งคุรามะอีครึ่งใส่นารูโตะ
แต่เซ็ตสึสีดำมารับแทน
แต่เพราะร่างหลังควบคุมโอบิโตะจึงทำให้โอบิโตะได้รับจักระจากสัตว์หางจึงรอดตาย
แล้วมาดาระก็มาเซ็ตสึสีดำก็พยายามออกจากร่างโอบิโตะเพื่อเอาเนตรส่งให้มาดาระ
แต่ถูกโอบิโตะชิงร่างกลับมาได้ และโอบิโตะถามว่าสำหรับมาดาระแล้วตนคืออะไร
แล้วมาดาระก็ตอบว่า โอบิโตะคือมาดาระคนใหม่ที่ทำตามเจตจำนงของมาดาระ
แล้วโอบิโตะก็เดินไปหามาดาระ แต่กาอาระ คาคาชิ และมินาโตะก็ขัดขวางแต่ขัดขวางไม่สำเร็จ
ซึ่งมินาโตะก็โดนมาดาระตัดแขนอีกข้างไม่สามารถฟื้นฟูได้
แล้วโอบิโตะก็ใช้มือแทงมาดาระแล้วชิงพลังที่เป็นวิชาที่ทำให้วิชานินจาทั้งหมดไปสู่ความว่างเปล่า
พร้อมกับชิงเศษเสี้ยวของหนึ่งหางกับแปดหางไปได้ และบอกว่าตนคือ อุจิวะ
โอบิโตะที่คิดอยากเป็นโฮคาเงะเหมือนเมื่อก่อน แล้วก็คาคาชิก็ร่วมช่วยโอบิโตะ
โดยส่งโอบิโตะไปมิติที่โอบิโตะเป็นคนสร้างเพื่อไปหาซากุระกับนารูโตะเพื่อมอบคุรามะที่ตนมีแค่ครึ่งให้นารูโตะเพื่อรอดชีวิต
แล้วส่งนารุโตะกลับ พร้อมกับให้ซากุระทำลายเนตรสังสาระที่อยู่กับคน
ส่วนโอบิโตะก็พยายามรั้งเซ็ตสึสีดำ ไม่ให้ควบคุมร่าง
แล้วมาดาระก็โผล่มาโจมตีซากุระ โอบิโตะจึงส่งซากุระกลับไป
และโอบิโตะก็โดนมาดาระจับตัว มาดาระถามเกี่ยวกับผนึกต้องสาปไว้ที่หัวใจของโอบิโตะ
หายไป เพราะผนึกต้องสาปทำให้โอบิโตะทำร้ายตัวเองไม่ได้
โอบิโตะได้บอกว่าตนจงใจให้คาคาชิทำลายไปตอนที่ส่งคาคาชิมาที่มิตินี้
และบอกว่าตนควรตายไปแล้ว แต่ไม่อยากทำตามคำสั่งของมาดาระ
และมาดาระได้บอกความจริงกับโอบิโตะว่าความจริงสาเหตุที่รินตายนั้นเป็นแผนมาดาระ
เพื่อพาโอบิโตะยอมร่วมมือ แล้วโอบิโตะก็ถูกมาดาระชิงเนตรสังสาระข้างซ้ายไป
และได้เนตรวงแหวนข้างซ้ายคืนจนชีวิตลิบหลี่เต็มที
ถูกเซ็ตสึสีดำควบคุมให้พามาดาระกลับมาที่สงครามเซ็ตสึสีดำก็ทำร้ายมาดาระ
แล้วยัดจักระของทุกคนที่โดนอ่านจันทรานิรันดร์ทั้งหมด
แล้วก็จักระของผืนแผ่นดินจนร่างกายมาดาระรับไม่ไหวจน
แล้วเซ็ตสึสีดำก็ออกจากร่างของโอบิโตะแล้วไปรวมตัวกับมาดาระ เพื่อคืนชีพให้คางุยะ
จากนั้นก็ถูกนารูโตะมอบจักระให้จนทำให้มีชีวิตอยู่ต่อได้อีก
ก็อาสาจะช่วยพาซากุระไปหาซาสึเกะที่หลงติดอยู่ในมิติของคางูยะ
เพื่อพามาช่วยนารูโตะจากนั้นก็รับการโจมตีของคางูยะและปกป้องคาคาชิโดยก่อนตายได้บอกให้นารูโตะเป็นโฮคาเงะให้ได้
แล้วก็เสียชีวิตในช่วงนั้นก็เจอกับรินบอกให้รินรอหน่อยเดี๋ยวกลับมาหาริน
โอบิโตะไปหาคาคาชิครั้งสุดท้ายพร้อมกับมอบพลังเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาทั้ง 2
ข้างให้คาคาชิช่วยพวกนารูโตะสู้ แล้วก็ตายกลับไปอยู่กับริน
จูโซ
สาเหตุ : ถูกฆ่าโดยมิซึคาเงะ
รุ่น 4
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : อุจิวะ
อิทาจิ
บิวะ จูโซ (枇杷十蔵
Biwa Jūzō) เป็นนินจาถอนตัวของหมู่บ้านคิริงาคุเระ
และผู้ใช้ดาบสะบั่นหัวแห่งกลุ่มเจ็ดนักดาบแห่งสายหมอก จับคู่กับอิทาจิ
ถูกมิซึคาเงะ รุ่น 4 ฆ่าตายในภารกิจ
คู่หูของคาคุสึ
สาเหตุ : ถูกฆ่าโดยคาคุสึ
สถานะ : อดีตสมาชิกแสงอุษา
คู่หูในอดีต : คาคุสึ
เป็นคู่หูของคาคุสึที่ไม่รู้ทั้งชื่อและหมู่บ้านเกิด
ถูกคาคุสึฆ่าตายในภารกิจ
สมาชิกระดับล่าง
·
นินจาถอนตัวของหมู่บ้านอาเมะคากุเระแทบทั้งหมู่บ้านที่รอดชีวิตจากสงครามกลางเมืองและหันไปจงรักภักดีกับเพนในฐานพระเจ้าที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก
ปัจจุบันหลังจากที่เพนตายนินจาถอนตัวของหมู่บ้านอาเมะคากุเระได้ออกจากแสงอุษา
·
ยูระ (เสียชีวิตแล้ว) โจนินจากหมู่บ้าน ซึนะคะกุเระ
เป็นนินจาที่ยังคงภักดีต่อซาโซริ และหักหลังหมู่บ้าน
เสียชีวิตจากการต่อสู้กับนารุโตะในฐานะ ร่างแทน
ของอิทาจิระหว่างที่ทีมนารุโตะบุกไปชิงตัวกาอาระที่ถูกแสงอุษาจับตัวไป
·
โจนินของ ซึนะคะกุเระอีกคนที่เป็นร่างแทน ของคิซาเมะ
เสียชีวิตในการปะทะกับทีมไก
·
ยาคุชิ คาบูโตะ ลูกน้องของ โอโรจิมารุ เดิมได้เข้าไปแทรกแทรงเป็นสปายให้แสงอุษา
ลูกน้องของซาโซริมาก่อนแต่หักหลังและหันไปเข้ากับโอโรจิมารุเต็มตัว
ในอดีตคาบูโตะถูกเก็บมาจากสงครามแห่งเขาคิเคียว โตมาที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า จน
3
ปีผ่านไป
คาบูโตะเข้าร่วมกับรากเพื่อให้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าให้ได้เงินเพื่อฟื้นฟูตลอด 5
ปี คาบูโตะเข้าแฝงตัวเป็นนินจาของหมู่บ้านอื่น
หลายแคว้นเพื่อเอาข้อมูลให้ราก แต่ ยาคุชิ โนโนอุ
มาเธอร์ของที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
เคยเป็นสมาชิกของรากรู้เหตุผลของคาบูโตะจากดันโซ จึงพยายามให้คาบูโตะเป็นอิสระ
แต่ความจริงือ รากคิดว่าคาบูโตะรู้มากเกินไปจึงพยายามให้คาบูโตะกับโนโนอุ
ฆ่ากันเอง จนคนที่รอดคือ คาบูโตะ และได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากโอโรจิมารุ
และคาบูโตะอยากรู้ว่าตัวเองคือใคร โอโรจิมารุ จึงมอบประวัติใหม่ให้ และแฝงตัวเข้า
แสงอุษา พร้อมกับแฝงตัวเป็นเกะนินของโคโนฮะ หลังจากที่ซาสึเกะฆ่าโอโรจิมารุ คาบูโตะได้ฝังเซลล์ของโอโรจิมารุไว้ในร่างตน
และมอบบันทึกสมาชิกของแสงอุษาให้นารุโตะ และในสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับแสงอุษา ได้ใช้คาถาสัมปเวสีคืนชีพ
เรียกเหล่านินจาที่มีชื่อเสียงที่ตายไปออกมา และถูกอิทาจิใช้อิซานามิ
พร้อมกับโดนอ่านจันทราเพื่อหยุดคาถาสัมปเวสีคืนชีพ
ปัจจุบันโดนขังไว้ในวังวนของอิซานามิ
จะออกมาไม่ได้จนกว่าคาบูโตะเลิกคิดเลียนแบบเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตนเอง
แล้วกลับมาเป็นตัวเอง ในสงครามช่วงที่มาดาระถูกคืนชีพเป็นพลังสถิตร่างของสิบหาง
คาบูโตะก็มาช่วยชีวิตซาสึเกะที่อยู่ในสภาพปางตายเพราะถูกมาดาระแทงที่หัวใจ
พร้อมกับบอกทีมเหย่ยวที่โอโรจิมารุเป็นเป็นคนนำแทนบอกว่า
ไม่สนใจเรื่องชิงร่างของซาสึเกะมาเป็นของตน
หลังจากที่ตนติดอยู่ในวังวนของอิซานามิทำให้ตนที่ไม่อาจเข้าใจและยอมรับตนได้
โอโรจิมารุใช้ประโยชน์จากตรงนั้นหลอกคาบูโตะ จนทำให้สูญเสียตัวตนไป
แต่เพราะอิทาจิใช้อิซานามิได้บอกกับตนว่า ตนไม่ใช่ใครนอกจากตน
ทำให้พบสถานที่ที่สามารถกลับไปได้แล้ว ทำให้ตนไม่อยากสูญเสียสถานที่ควรจะกลับไปจึง
ทำให้ความรู้สึกที่อิทาจิอยากปกป้องซาสึเกะตรึงไว้ในใจของตน
ดังนั้นสิ่งที่ตนต้องทำคือช่วยชีวิตของซาสึเกะ
·
กองทัพเซ็ตซึสีขาว 100,000 ตัว
เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาจากงานวิจัยของอุจิวะ
มาดาระอัญเชิญเทวรูปมารนอกรีด และฝังเซลล์ของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 ไว้ในร่างเทวรูปมารนอกรีด จึงกำเนิด โคลนของโฮคาเงะรุ่นที่ 1 ขึ้นมาคุณภาพต่ำ มีความสามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนอื่นได้ ทั้งร่างกายและจักระ
โดยที่ไม่มีใครสามารถสัมผัสแยกจักระออกมาได้
และสามารถย้ายร่างกายของเขาไปตามสิ่งของเช่นประตู พื้นดิน ต้นไม้ เป็นต้น
โดยเซ็ตซึทุกตัวสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทางโทรจิตให้เซ็ตซึด้วยกันในรัศมีจำกัดได้
ตอนที่ถูกมาดาระสร้างขึ้นมากองทัพเซ็ตซึ มีรูปร่างไม่สมประกอบเพราะว่าแต่ละตัวนั้น
บ้างก็มีแขนข้างแค่ข้างเดียว หรือไม่มีขาบ้างเป็นต้น
ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากโลกภายนอกจากแต่ละที่มาโดยให้มาดาระ
และสามารถใช้เป็นอวัยวะหรือชิ้นส่วนร่างกายเทียม
เช่นเมื่อแขนขาขาดสามารถเอาชิ้นส่วนของเซ็ตซึมาฝังใส่ไว้กับตัวจนเป็นร่างกายได้
แต่พวกเซ็ตซึไม่สามารถงอกแขนขาให้กับตนเองใหม่เมื่อขาดไปแล้วได้
แต่ถ้าเอาชิ้นส่วนไปใส่คนอื่นที่บาดเจ็บสามารถฟื้นฟูเหมือนการบริจาคร่างกายได้
หลังจากที่มาดาระตายได้อยู่ในอาณัติของโอบิโตะเพื่อรอมาดาระคืนชีพ
ในสงครามโลกนินจาครั้ง 4 อุจิวะ โอบิโตะได้เอายามาโตะที่เคยเป็นหนูทดลองของโอโรจิมารุที่สามารถใช้คาถาไม้ได้เหมือนโฮคาเงะรุ่นที่
1 ทำให้กองทัพเซ็ตสึมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทำให้มีรูปร่างจากที่ไม่สมประกอบทำให้มีรูปร่างที่สมบูรณ์
ใช้กองทัพเซ็ตซึสีขาว 100,000 ตัว เข้าร่วมสงคราม
กับพวกนินจาที่ถูกคืนชีพโดยคาถาสัมปเวสีคืนชีพของคาบูโตะ
·
กุรุกุรุ(เซ็ตซึหน้าม้วน
เป็นเซ็ตซึที่มีหน้าม้วนเหมือนหน้ากากที่โอบิโตะเคยใส่ตอนเข้าแสงอุษา)
เป็นหนึ่งในกองทัพเซ็ตซึสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือของมาดาระ
ทำหน้าที่ร่วมกับเซ็ตซึสีขาวซีกซ้ายคอยเฝ้าดูแล รักษาโอบิโตะ
และต่อมาได้ให้โอบิโตะสวมร่างชั่วคราวเพื่อให้มีร่างกาย
กุรุกุรุมีอีกความสามารถที่แตกต่างจากเซ็ตซึสีขาวตัวอื่นๆคือสามารถห่อหุ้มร่างของคนให้ไม่มีร่างกายทำให้มีร่างกายได้
และสามารถควบคุมร่างที่ตนห่อหุ้มได้ด้วย ในสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 หลังจากที่โอบิโตะถูกเซ็ตซึสีดำควบคุมให้คืนชีพมาดาระ
ได้ใช้ร่างของยามาโตะเพื่อมีร่างและจักระ ได้สู้กับพวกนินจาพันธมิตร
และเสียท่าให้กับกลุ่มเหยี่ยวที่มีโอโรจิมารุเป็นคนสั่งการแทนซาสึเกะ
ชื่อ กุรุกุรุ
ของเซ็ตซึตัวนี้เป็นชื่อที่โอบิโตะเป็นคนตั้งเพราะว่าหน้าตาแตกต่างจากเซตซึตัวอื่นเพราะว่าหน้าม้วน
จึงตั้งไปว่า กุรุกุรุ ที่แปลว่าม้วนหรือหมุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น